
รีวิว All-New Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์ที่ร้อนแรงที่สุดในปฐพีนี้
ครั้งแรกที่ Mazda ได้ส่งจดหมายเชิญเปิดตัว All-New Mazda CX-30 มาให้ทีมงาน 9carthai.com ไปทำข่าว
ตอนนั้นยังแอบคิดอยู่ในใจ ว่ากล้าที่จะเปิดตัวท่ามกลางไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดจริงๆ หรอ ทั้งเศรษฐกิจ ทั้งการเข้าถึงต่างๆ ก็ดูเหมือนจะยากลำบากกว่าช่วงเวลาปกติแทบทุกทาง แต่ Mazda ก็ได้พิสูจน์ให้ประจักษ์แล้วว่า Compact SUV รุ่นใหม่ ของเขานั้นเจ๋งจริง
เพราะไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เปิดตัว (6 มี.ค. 2563) All-New Mazda CX-30 ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ สวนกระแสวิกฤตไวรัสโควิด-19 ด้วยยอดจองทะลุ 2,000 คัน ซึ่งกว่า 80% นั้น ล้วนเป็นการจองของรุ่นท็อป 2.0SP
ซึ่งทำให้ทีมงาน 9carthai.com นั้น ไม่รอช้า ติดต่อขอนำมารีวิวให้ทราบโดยทั่วกัน ว่ารถรุ่นนี้มันมีทีเด็ดอย่างไร เหตุใดจึงเป็นที่หมายปองของใครต่อใครในเวลานี้
ซึ่งจากการวิเคราะห์ และพิจารณาอย่างละเอียดจนตกผลึกแล้วนั้น สรุปได้ว่าไฮไลท์สำคัญของ All-New Mazda CX-30 อยู่ที่ดีไซน์ภายนอก และภายในที่สะท้อนความหรูหรา บ่งบอกคาแร็คเตอร์ของผู้ที่ครอบครองได้อย่างสมฐานะ
ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ KODO: Soul of Motion ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Mazda อีกทั้งยังมีระบบความปลอดภัยที่ครบครันที่สุดในคลาส รวมไปถึงสมรรถนะที่เหนือชั้นที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน
ตัวรถมาในตัวถังแบบ Compact SUV 5 ประตู หลังคาท้ายลาดสไตล์รถคูเป้ ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ส่องสว่างแบบ LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED Signature ปรับระดับสูง-ต่ำ และเปิด-ปิดอัตโนมัติ เข้าชุดกับกระจังหน้าดีไซน์หรูหราเสริมกรอบโครเมียม
กันชนหน้าชายล่างสีดำยาวต่อเนื่องไปยันสเกิร์ตข้างและคิ้วล้อหลังเข้าชุดกับกันชนหลังสีดำขนาดใหญ่, กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว แถมมีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีมาให้ในทุกรุ่นย่อย
สปอยเลอร์ท้ายออกแบบให้มีไฟเบรกดวงที่ 3 , ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, ไฟท้ายดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบ LED Signature ปิดท้ายด้วยล้อแม็กขนาด 18” รัดด้วยยาง Dunlop ขนาด 215/55R18
มิติตัวถังของ All-New Mazda CX-30
สำหรับภายในนั้น มาพร้อมกับห้องโดยสารที่หรูหรา สง่างาม ด้วยห้องโดยสารแบบทูโทน (สีดำ-น้ำตาล) ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch เกรดพรีเมียมรอบคัน, เบาะนั่งออกแบบมาเป็นพิเศษ ที่คำนึงถึงสรีระอันเป็นธรรมชาติในการขับขี่ โดยเบาะนั่งฝั่งคนขับเป็นระบบปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ส่วนฝั่งผู้โดยสารนั้นจะสามารถปรับสูง-ต่ำได้ด้วย
สำหรับหน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบดิจิตอล TFT แสดงข้อมูลผ่านจอ LCD ขนาด 7″ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Windshield Active Driving Display ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีให้เฉพาะรถยนต์ Mazda เท่านั้น
ส่วนด้านบนคอนโซลหน้ามาพร้อม Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว สั่งการผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander มาพร้อมการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ที่รองรับระบบ Apple CarPlay
แต่ไฮไลท์เด็ดสุดเห็นทีจะเป็นระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ซึ่งจุดนี้บอกเลยช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ได้ดีเป็นอย่างมาก ระบบเสียงยกให้เป็นที่สุดในคลาสเลยทีเดียว อีกทั้ง Mazda CX-30 ยังมาพร้อมกับหลังคา Panoramic Sunroof อีกด้วย
ส่วนห้องโดยสารตอนหลังของ All-New Mazda CX-30 นั้น จะกว้างกว่า Mazda 3 (เล็กน้อย) มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพนักวางแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำ, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่คอนโซลกลาง ช่องเก็บเอกสารทั้ง 2 ฝั่ง แต่ไม่มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์ตมือถือตอนหลัง
แต่ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองนั่งห้องโดยสารตอนหลังนั้น ต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะแคบหากเทียบกับรถ Compact SUV ในระดับเดียวกัน ซึ่งผู้โดยสารที่มีสรีระที่สูงใหญ่ อาจจะนั่งแล้วรู้สึกอึดอัดไปบ้าง ซึ่งจุดนี้ก็ยังคงเป็นจุดอ่อนของรถยนต์ค่าย Zoom Zoom มาแต่ไหนแต่ไร
ส่วนเบาะหลังนั้น สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 เหมือนเช่นเคย ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระตอนหลังได้เยอะพอสมควร
สำหรับเครื่องยนต์ของ All-New Mazda CX-30 นั้น เป็นเครื่องยนต์ที่ยกมาจาก Mazda 3 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ระบบวาล์วจะเป็นแบบแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Dive 6 สปีด รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด E85 โดยมีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดอยู่ที่ 15.4 กม./ลิตร
แม้จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกัน ที่มีแรงม้าและแรงบิดเท่ากันก็ตาม แต่ทว่าฟิลลิ่งของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนั้น จะแตกต่างกันจนรู้สึกได้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากน้ำหนักตัวถังที่ต่างกัน รวมไปถึงจุดศูนย์ถ่วงของรถ Center of Gravity (CG) ที่ต่างกัน
โดยสมรรถนะด้านอัตราเร่งของ All-New Mazda CX-30 นั้น จะเป็นรถที่มีคาแรคเตอร์ในการขับขี่ที่นุ่มนวลกว่า ไม่กระโฉกโฮกฮากเหมือน Mazda 3 ที่จะให้อารมณ์การขับขี่ที่สปอร์ตเร้าใจกว่า
ซึ่งอัตราเร่งของ All-New Mazda CX-30 จะมาแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าก้มมองการขยับของเข็มไมล์จะรู้ได้เลยว่าไม่ได้ช้าอย่างที่คิด
แต่ถ้าอยากให้การขับขี่มีความกระฉับกระเฉงขึ้นมาหน่อย ก็ลองปรับโหมดไปที่ Sport รอบเครื่องยนต์ก็จะถูกดันให้สูงขึ้นเล็กน้อย และสามารถลากรอบได้ยาวขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ดึงจนหลังติดเบาะนะบอกไว้ก่อน
ส่วนถ้ายังไม่มันส์พอ แนะนำให้ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เองที่แป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัย ซึ่งหากคุณเปลี่ยนเกียร์ได้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ที่ต้องการแล้วละก็ ความเร็วระดับ 180 กม./ชม. ก็เป็นอะไรที่คุณจะสัมผัสได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
ด้านระบบช่วงล่างก็ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแชร์แพลตฟอร์มใหม่ Skyactiv-Vehicle Architecture ร่วมกัน แต่จะมีการปรับจูนในส่วนของ Damper และ คอยล์สปริงใหม่ ให้เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวรถที่เพิ่มขึ้น
โดยช่วงล่างของ All-New Mazda CX-30 นั้น จะมีความนุ่มนวล และนั่งสบายกว่า Mazda 3 พอสมควร และให้การซับแรงกระแทกได้ดีกว่า แต่บางสถานการณ์ก็อาจจะนิ่มเกินไปจนรู้สึกว่าย้วยๆ ไปบ้าง หากขับด้วยความเร็วที่สูงเกิน แต่ถ้าขับใช้งานในชีวิตประจำวันปกติ ผมบอกเลยว่ามันเพียงพอต่อการใช้งาน
ส่วนการยึดเกาะถนนนั้น ถือว่าสอบผ่าน แม้ช่วงล่างจะมีย้วยๆ ไปบ้าง แต่ด้วยระบบช่วยเหลืออย่าง G-Vectoring Control Plus ที่เข้ามาปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม ก็ช่วยให้ตัวรถมีความเกาะถนน และเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจปลอดภัยยิ่งขึ้น
ส่วนระบบเบรกนั้น จุดนนี้ต้องสังเกตุและปรับตัวให้ดี เพราะเบรกของ All-New Mazda CX-30 นั้น ถูกเซ็ทมาเพื่อให้กดลงไปลึกๆ (กันการเบรกหัวทิ่ม) ซึ่งแรกๆ ของการขับอาจจะไม่ชิน และมีอาการเหวอๆ กันบ้าง แต่ถ้าปรับตัวได้ก็ถือว่าปกติ เอาอยู่ทุกสถานการณ์ เพียงแต่ต้องเหยียบลงไปลึกกว่าปกติทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ จากการทดลองขับเป็นเวลา 7 วันเต็ม อัตราเฉลี่ยน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ทำได้นั้นอยู่ที่ 9.9 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสม และพอรับได้
โดยเกณฑ์สูงสุดจากค่าโรงงานอยู่ที่ 15.4 กม./ลิตร แต่นั่นคือการทำสอบในสถานที่ปิด และมีปัจจัยเอื้อหลายอย่าง
ซึ่งถ้าขับกันจริงๆ ในสถานการณ์ปกติ ผมมองว่าช่วงประมาณ 11-12 กม./ลิตร น่าจะพอมีความเป็นไปได้อยู่
เทคโนโลยีความปลอดภัยจัดเต็มที่สุดในคลาส เพราะ All-New Mazda CX-30 นั้น มาพร้อมระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่มีไฮไลท์หลักๆ ด้วยกันถึง 12 ระบบ ได้แก่
ข้อดี All-New Mazda CX-30
ข้อเสีย All-New Mazda CX-30
บทสรุป
โดยรวมแล้วถือว่า All-New Mazda CX-30 นั้น เป็นยนตรกรรมที่ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี เป็นรถคันเดียวที่ครอบคลุมทุกลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ใช้งานในเมืองก็ทำได้อย่างคล่องตัว หรือจะขับขี่เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ไปได้อย่างสะดวกสบาย
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ All-New Mazda CX-30 โดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันก็คือ ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในที่พรีเมียม สมรรถนะของขุมพลังที่แรงที่สุด และระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มที่สุดในคลาสนั่นเอง
ราคาจำหน่าย All-New Mazda CX-30
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว New Mazda 2 ขับมันส์กว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี ยืนหนึ่ง City Car 3 ปีติดต่อกัน
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกสิ่งที่เคยเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car
รีวิว Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์ยุคใหม่ ที่พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในชีวิต
รีวิว ขับ Ford Ranger Raptor 2020 บุกป่า ฝ่าดง ตะลุยทะเลทราย บนผืนแผ่นดินเวียดนาม
รีวิว All-New Isuzu D-Max แอ่วเหนือ สัมผัส “พลานุภาพ พลิกโลก”
รีวิว Toyota Yaris Cross อีโคคาร์สไตล์ครอสโอเวอร์หนึ่งเดียวในคลาส ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิต
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกความเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car คุ้มค่าเกินราคาจริงๆ
รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo โอโหแรงจริง! ขับดีเกิน Eco Car
รีวิว MG HS ยนตรกรรม SUV สุดคุ้ม ขับสนุก..นั่งสบาย อ็อพชั่นจัดเต็ม ภายในหรูหราอลังการยิ่งกว่ารถยุโรป
รีวิว New Mazda 2 ขับมันส์กว่าเดิม เทคโนโลยีเหนือชั้นกว่าเดิม ประหยัดมันสูงสุดในคลาส
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Vios ราคาเริ่มต้น 609,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
โตโยต้า อัลติส| โตโยต้า รีโว | Honda City | Honda Civic | มาสด้า 2 | Mazda CX-5 | นิสสัน อัลเมร่า | นิสสัน คิกส์ | นิสสัน เทียน่า | Suzuki Swift | มิราจ | แอททราจ | ISUZU D-MAX | ISUZU MU-X
แสดงความคิดเห็น