รีวิว HAVAL H6 Hybrid รวมทุกอย่างที่คุณต้องรู้ พร้อมทดลองขับครั้งแรกในโลก ก่อนเปิดราคาจำหน่ายในไทย
เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีกระแสแรงที่สุดในประเทศไทยจริงๆ สำหรับ All-New Haval H6 Hybrid ที่มีข่าวมาตั้งแต่ปี 2020 จนล่าสุดใกล้ที่จะถึงเวลาเปิดราคา และพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มิถุนายนนี้กันแล้ว แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น
ในวันนี้ทีมงาน 9carthai.com ได้มีโอกาสไปทดลองขับ และสัมผัสกับสมรรถนะทั้งหมดของตัวรถมาแล้ว และนี่จะเป็นบทความที่รีวิวเจาะลึกแบบครบครันที่สุด เพื่อประกอบการตัดสินใจของคุณ
และทำให้คุณได้รู้จักกับยนตรกรรม SUV Hybrid แบรนด์น้องใหม่จากประเทศจีนรุ่นนี้ได้ดียิ่งขึ้น
ก่อนอื่นเลย ยังมีหลายท่านที่อาจจะไม่รู้จัก และสงสัยว่า HAVAL คือรถอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร? เพราะก่อนหน้าคนใกล้ชิดผู้เขียนเองก็ถามกันเข้ามาเยอะมากว่า HAVAL H6 คือรุ่นอะไร แบรนด์ใหม่หรอ หรือมีที่มาที่ไปอย่างไร เดี๊ยวผมจะเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังแบบคร่าวๆ
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแบรนด์ HAVAL
HAVAL เป็นแบรนด์รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) 1 ใน 5 แบรนด์รถยนต์ จาก Great Wall Motors ที่แยกเป็นแบรนด์อิสระในปี 2013 เพื่อมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตรถ SUV ระดับมืออาชีพ
โดย HAVAL เป็นแบรนด์ SUV แบรนด์แรกในจีนที่เข้าสู่กลุ่มยอดขาย 6 ล้านคัน ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 6.5 ล้านคัน ได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์รถเอสยูวีระดับโลก ในปี 2018 และเป็น 1 ใน 3 แบรนด์เอสยูวี ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก การันตีด้วยผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศมากกว่า 60 ประเทศ
สำหรับประเทศจีน HAVAL ถูกจัดอันดับแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดของจีนด้วยมูลค่าแบรนด์ 6.8 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังเป็น SUV ที่สามารถรักษายอดขายรถเอสยูวีอันดับ 1 ในประเทศจีนได้เป็นเวลา 11 ปี ติดต่อกัน
ซึ่ง HAVAL H6 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยยอดขายรวมกว่า 3 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวมา
เมื่อดูจากประวัติความเป็นมาแล้วก็ต้องบอกว่า SUV Hybrid รุ่นที่จะขายไทยเป็นรุ่นแรกนี้ไม่ใช่ไก่กา แต่มีดีกรีถึง SUV ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน 11 ปีติดต่อกัน
และนี่จะถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยของเราจะได้สัมผัสกับ All-New Haval H6 Hybrid ก่อนใคร เพราะเปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก
สำหรับ All-New Haval H6 Hybrid ที่จะเปิดขายในประเทศไทย จะมีจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Pro และ รุ่น Ultra
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
All New HAVAL H6 Hybrid SUV มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยวสะท้อนถึงสุนทรียภาพแห่งอนาคตด้วยการผสมผสานระหว่างการออกแบบที่หรูหรามีระดับกับโครงสร้างอันล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
การออกแบบภายใน (Interior Design)
All New HAVAL H6 Hybrid SUV โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในแบบ 360 องศา ภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” เพื่อสร้างสุนทรียภาพให้กับทุกสัมผัสภายในห้องโดยสาร
การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3
พื้นที่ห้องโดยสารที่เรียบง่ายและหรูหรา
สร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
ฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions)
การอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
การตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence)
การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล
ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย
GWM LEMON PLATFORM
สมรรถนะของรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ 2+
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)
ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety)
กว่าคุณจะอ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงรู้แล้วว่า All-New Haval H6 Hybrid SUV นั้น มีรายละเอียด และฟีเจอร์ที่เยอะมากมายขนาดไหน ส่วนสมรรถนะการขับขี่หลังจากที่ได้ลองแล้วผมขอสรุปให้คุณได้เข้าใจสั้นๆ ดังนี้
ด้านอัตราเร่ง Haval H6 Hybrid SUV เป็นรถ SUV ที่จัดอยู่ในกลุ่ม C-SUV ที่มีอัตราเร่งที่จัดจ้านมา อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะอยู่ราวๆ 9 วินาที แรงบิดระดับ 530 นิวตัน-เมตร
จัดว่าเป็นแรงบิดที่มีมาให้ใช้งานในทุกย่านกำลัง แต่จะไม่ดึงจนหลังติดเบาะ ตัวรถจะพุ่งทะยานด้วยความเร็วแบบสุขุมนุ่มลึก
แต่หากเพ่งมองที่เข็มไมล์แบบดิจิตอลดีๆ คุณจะรู้ว่าตัวเลข 0-160 กม./ชม. ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ซึ่งพี่ๆ นักข่าวหลายท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โคตรแรง”
ส่วนลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์จะแบ่งการทำงานดังนี้ ในส่วนความเร็วต่ำ 0-60 กม./ชม. จะเป็นการขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
แต่ถ้าหากขับเร็วกว่านั้นจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับชุดเกียร์ที่มี 2 ชุด แบ่งการทำงานระหว่างความเร็วต่ำ และความเร็วสูง ซึ่งนั่นทำให้ All-New Haval H6 Hybrid ไม่สามารถมีแป้น Paddle Shift ได้
ซึ่งเท่ากับว่า SUV Hybrid รุ่นนี้ มีการทำงานที่คล้ายกับเทคโนโลยี e-Power ที่ใช้เครื่องยนต์ในการเป็นเจเนอร์เรเตอร์ปั่นไฟเข้าไปจัดเก็บที่แบตเตอรี่ แต่จะทำงานเฉพาะความเร็วต่ำ (ไม่เกิน 60 กม./ชม.)
และเหมือนกับเป็นรถไฟฟ้าในตัว เพราะความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กม./ชม. จะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆ เพียงแต่ไม่มีปุ่ม EV Mode ให้กดใช้งานก็แค่นั้น จึงไม่สามารถเคลมว่าวิ่งด้วย EV Mode เหมือนแบรนด์อื่นๆ ได้
ช่วงล่าง และ Handling ระบบช่วงล่างหากให้คะแนนเต็ม 10 ผมให้ 9 เลย เป็นรถ SUV ขนาดใหญ่ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีมาก ช่วงล่างนุ่มหนึบนั่งสบายสุดๆ
การเก็บอาการโยน การเข้าโค้งความเร็วสูง หรือแม้แต่การมุดในช่วงความเร็วสูง สามารถเก็บอาการได้อยู่หมัดและไว้ใจได้ ไม่มีอาการเหวอให้เห็น จังหวะโดดคอสะพานก็นิ่ง โช้คอัพยุบลงมาและคืนตัวได้อยู่เหมาะสม ไม่รู้สึกเด้งหรือแข็งกระด้าง
แต่ในส่วนของ Handling จุดนี้ขอติไว้หน่อย เพราะว่าพวงมาลัย All-New Haval H6 มันเบามากๆ แม้จะมีให้เลือกปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 แบบก็ตาม (สบาย, เบา และ สปอร์ต)
โดยการปรับไปใช้โหมดสปอร์ตก็ยังให้ความรู้สึกที่เบาจนโหวงเหวงอยู่ดี แต่ถ้าหากใครจะมองว่าเป็นจุดดีทำให้ควบคุมรถได้ง่ายก็ไม่ว่ากัน
ซึ่งเวลาขับด้วยความเร็วสูง ตัวรถจะมีอาการหน้าไว เพราะการขยับพวงมาลัยเพียงนิดเดียวตัวรถก็ขยับตามซะแล้ว
ระบบเบรกที่ไว้ใจได้ ระบบเบรกจุดนี้ไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วง ให้มาแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ และมีระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่โคตรจะเยอะ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ Haval H6 Hybrid SUV ทำออกได้อย่างตั้งใจ และถือเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบรถคันนี้เลยก็ว่าได้
เพราะนอกเหนือไปจากเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ให้มามากที่สุดในคลาสแล้ว ระบบเบรกก็เป็นอะไรที่ Haval จะพลาดไม่ได้เหมือนกัน
จากที่ได้ลองก็ต้องบอกว่าเกินพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมยังมีระบบช่วยเบรก เบรกอัตโนมัติ ช่วยลดความเร็ว เสียงเตือน บลาๆ ให้เราได้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ชนิดที่ว่าขับ Haval H6 Hybrid SUV แล้ว โอกาสเกิดอุบัติเหตุแทบจะไม่มีเลย หากคุณไม่ประมาทเองจริงๆ
ส่วนในเรื่องของระบบความปลอดภัย ผู้เขียนคงไม่สามารถอธิบายหรือรีวิวให้ได้ในทุกระบบ เพราะมันติดตั้งมาให้เยอะมากจริงๆ ทดสอบขับเพียง 1 วัน คงไม่มีใครสามารถทดลองเล่นได้ครบแน่ๆ ยืนยันได้เลย
เอาเป็นว่าจะขอเล่าเฉพาะสิ่งที่ได้ทดลองใน Station ทดสอบที่ทาง Haval จัดให้ก็แล้วกัน
1. สถานีทดสอบอัตราการเร่ง 0 – 100 กม./ชม. การพิสูจน์สมรรถนะและความแรงของรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร โดยทำได้ในระยะเวลาประมาณ 9 วินาที
2. สถานีทดสอบระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance) ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการทดสอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ HAVAL H6 Hybrid SUV
โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น
3. สถานีทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking) ด้วยกล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค ช่วยให้ค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบ การถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง
4. สถานีทดสอบระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA+RCTB Rear Cross Traffic Alert and Rear Cross Traffic Breaking) ระบบจะช่วยทำการแจ้งเตือนในขณะที่ถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา
ซึ่งเมื่อตรวจพบความผิดปรกติระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรคให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน
5. สถานีทดสอบระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control) ทดสอบการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
บทสรุป
คงจะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า All-New Haval H6 Hybrid นั้น เป็นรถที่มีเทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม C-SUV ที่มีขายในประเทศไทยในเวลานี้ และเป็นรถที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้
ซึ่งหากใครที่ยังลังเลใจหรือเป็นกังวลว่าแบรนด์จีนจะมีคุณภาพที่ไม่น่าไว้ใจ ผมบอกตรงๆ เลยว่าให้ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปให้หมด หากปิดตาพาคุณขึ้นไปนั่ง ผมเชื่อว่ากว่า 90% ต้องบอกว่าเป็นรถหรูค่ายยุโรปอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่จะชี้วัดได้ว่า SUV Hybrid รุ่นนี้จะครองใจคนไทยได้หรือไม่ คงอยู่ที่ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่จะประกาศในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ หากเปิดราคามารุ่นเริ่มต้น 9.99 แสนบาท และรุ่นท็อปสุด 1.299 ล้านบาท (ราคาคาดการณ์โดยผู้เขียนเอง) บอกเลยว่าตลาดแตก ส่งรถไม่ทันแน่นอน ของเขาดีจริงๆ!!
ผู้เขียน : ธนภัทร สังข์แสง (Monster)
ดูตารางผ่อนคลิก www.9carthai.com/all-new-haval-h6-price/
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว Mitsubishi Triton Athlete 2021 กระบะแต่งพิเศษ ลุคสปอร์ตมาดเข้ม โดดเด่นเร้าใจเต็มอารมณ์
รีวิว Mitsubishi Xpander Cross รถ SUV 7 ที่นั่งยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ลุยได้มากกว่า
รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV ใช้งานจริง ประหยัดสุดๆ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก คุ้มแน่นอน
สัมผัสแรก Aston Martin Vantage สปอร์ต Entry Level ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน ฉายาเทพบุตรนักล่า
รีวิว Toyota Yaris PLAY Limited Edition อีโคคาร์แต่งพิเศษ ออปชันจัดเต็ม มีขายเพียง 1,500 คัน!
รีวิว Mazda CX-3 2021 Collection รุ่น Base Plus บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
รีวิว Ford Ranger FX4 Max ที่สุดของกระบะแต่งพิเศษสไตล์ออฟโรด ในราคาจับต้องได้
รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่
รีวิว All-New Mazda BT-50 กระบะหน้าหล่อ อ็อพชั่นพรีเมียม ออกงานก็ดี ออกลุยก็ได้
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว HAVAL H6 Hybrid รวมทุกอย่างที่คุณต้องรู้ พร้อมทดลองขับครั้งแรกในโลก ก่อนเปิดราคาจำหน่ายในไทย "