Nio ET7 รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่เกิดมาเพื่อโค่น Tesla อย่างแท้จริง

Nio ET7 รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่เกิดมาเพื่อโค่น Tesla อย่างแท้จริง

หากจะพูดถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นเบอร์ 1 หลายท่านในที่นี้ก็คงนึกถึง Tesla เป็นอันดับแรก เพราะด้วยสมรรถนะการขับขี่ ฟีเจอร์ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมไปถึงระยะทางที่สามารถขับได้ไกลกว่าหลายๆ แบรนด์ในโลก แต่ทว่าตอนนี้กำลังจะมีคู่แข่งหน้าใหม่ที่เป็นแบรนด์จากประเทศจีนแซงหน้า

โดยล่าสุดแบรนด์ Nio ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ได้เปิดตัวซีดานพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ Nio ET7 ซึ่งจะมาเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Tesla Model S โดยเมื่อนำมาเทียบสเปคกันแล้วก็ต้องบอกว่า ซีดานพลังงานไฟฟ้าจากแดนมังกรคันนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่น้อย และเหนือชั้นกว่า Tesla เสียด้วยซ้ำไป เริ่มจาก

มิติตัวถังที่ใหญ่กว่า

โดย Nio ET7 นั้น มาพร้อมกับมิติตัวถังที่ใหญ่กว่า Tesla Model S อยู่พอสมควร

นอกจากในเรื่องของมิติตัวถังจะใหญ่กว่าแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Nio ET7 มีความน่าสนใจมากกว่า Tesla Model S ก็คือในเรื่องของราคาจำหน่าย โดย Nio ET7 เปิดราคาจำหน่ายในประเทศจีนเริ่มต้นที่ 448,000 หยวน (หรือ 2.1 ล้านบาท) สำหรับรุ่นแบตเตอรี่ขนาด 70 kWh และราคา 506,000 หยวน (หรือ 2.4 ล้านบาท) สำหรับรุ่น 100 kWh

ในขณะที่ราคาจำหน่ายของ Tesla Model S ที่ขายในประเทศจีน มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 734,000 หยวน (หรือ 3.7 ล้านบาท)

อีกทั้งในเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ของตัวรถ Nio ET7 ยังมาพร้อมกับกล้องมอบภาพรอบคันความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซล ในขณะที่ Tesla Model S มีความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 1.2 ล้านพิกเซลเท่านั้น ทำให้ซีดานพลังงานไฟฟ้าจากจีนรุ่นนี้สามารถตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนไหวได้แม่นยำกว่า ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งกีดขวาง หรือจักรยาน

นอกจากนั้นแล้ว Nio ET7 คันนี้ ยังมาพร้อมกับระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งมี AQUILA NIO Super Sensing System และ LIDAR ที่มีความแม่นยำสูงติดตั้งอยู่มากถึง 33 จุด สามารถส่งคลื่นได้กว้าง 120 องศา ในระยะไกลได้ถึง 500 เมตร อีกทั้งคลื่นเลเซอร์ และเซ็นเซอร์ทั้งหมด ยังถูกประมวลผลภาพด้วย ADAM ที่ผลิตโดย NVIDIA ซึ่งสามารถประมวลผลออกมาแสดงเป็นภาพที่หน้าจอความเร็วสูง โดยทาง Nio เคลมว่าทำงานได้เร็วกว่าของ Tesla ถึง 7 เท่า

โดย Tesla Model S นั้น จะใช้เซ็นเซอร์ Ultrasonic เพียง 12 จุดเท่านั้น

ด้านสมรรถนะการขับขี่ Nio ET7 ก็ไม่ได้เป็นรองแม้แต่น้อย โดยจะมีให้เลือก 3 ขนาดแบตเตอรี่ ได้แก่ รุ่น 70kWh ที่สามารถขับได้ไกลเป็นระยะทางมากกว่า 500 กม. และรุ่นแบตเตอรี่ขนาด 100kWh ที่สามารถขับได้ไกลกว่า 700 กม. แต่ถ้ายังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน Nio ยังมีรุ่นพิเศษที่เป็นแบตเตอรี่แบบ Solid state ขนาด 150 kWh ที่สามารถขับได้ไกลถึง 1,000 กม. (จะเปิดตัวในปี 2022)

โดย Nio ET7 นั้น มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 180kW สำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หน้า และ 300kW สำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หลัง และมีสมรรถนะรวมกันเป็น 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.9 วินาที

นอกจากนั้นแล้ว ความพิเศษของ Nio ET7 ก็คือตัวรถถูกออกแบบมาให้สามารถสลับแบตเตอรี่ได้เร็วที่สุดในโลก โดยใช้สถานีเปลี่ยนแบตแบบ Power Swap Station 2.0 ซึ่งสามารถสลับแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 นาที โดยไม่ต้องเสียเวลาในการนั่งรอชาร์จไฟนานๆ แต่ต้องเสียค่าเช่าแบตเตอรี่แทน เหมือน Tesla หรือรถยนต์ไฟฟ้าทั่วๆ ไป ที่สามารถสลับแบตเตอรี่ได้

ด้านระบบเบรก Nio ET7 ก็มาพร้อมกับระบบเบรกด้านหน้าแบบ 4POT จาก Brembo ซึ่งสามารถหยุดรถจากความเร็ว 100 – 0 กม./ชม. ได้ในระยะทางเพียง 33.5 เมตรเท่านั้น ส่วนระบบช่วงล่างเป็นแบบถุงลม Smart Air Suspension พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว Continuous Damping Control มาให้ด้วย