รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์

โพสโดย : TUR / วันที่ : 21 ธันวาคม 2020

รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์

Review City eHEV & City Hatchback

“ไม่อยากจะเลือกใคร อยากซื้อเธอไว้ใช้ทั้งสองคัน” นี่คือเพลงเดียวในหัวที่นึกได้ตลอดทางหลังจากที่ได้ลองขับ Honda City e:HEV และ Honda City Hatchback

ถึงแม้ว่ารถทั้ง 2 รุ่นนี้จะใช้นามสกุล The City Series เหมือนกันก็ตาม แต่ทว่าในคาแร็คเตอร์ของทั้ง 2 รุ่นนั้นกลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งต้องบอกว่ามีดีมีเด่นในตัวเองด้วยกันทั้งคู่ แต่รุ่นไหนจะคือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เดี๊ยวผมจะเล่าให้ฟัง แล้วให้คุณเป็นคนเลือกเอง

Review City eHEV & City Hatchback

เดิมทีการทดสอบครั้งนี้เราต้องบินไปขับ Honda City e:HEV และ Honda City Hatchback กันที่ จ.เชียงราย แต่ทว่าด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่กลับมาทำพิษอีกครั้ง

ทำให้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปลี่ยนเส้นทางทดสอบมาเป็น กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ (ไป-กลับ) ที่มีระยะทางรวมกว่า 400 กม. ให้ได้พิสูจน์สมรรถนะกันอย่างสาสมใจ

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

สำหรับบทความนี้ ผมจะขอเล่าให้ฟังถึงประเด็นสำคัญ และสมรรถนะการขับขี่ของทั้ง 2 รุ่นเท่านั้น ส่วนสเปค และรายละเอียดข้อมูลของตัวรถ เรามีบทความทำแยกไว้ให้แล้ว สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลสเปคเบื้องต้น สามารถติดตามที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย

Review City eHEV & City Hatchback

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันที่ Honda City Hatchback กันก่อนเลย เพราะเป็นรุ่นแรกที่ถูกจัดให้ได้ขับก่อน โดยการทดสอบครั้งนี้ ทาง Honda จัดรุ่นย่อยเกรด RS มาให้ได้ลองขับทั้งหมด

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City Hatchback

รูปลักษณ์ และรายละเอียดภายนอกเกือบทั้งหมดนั้น ก็เป็นการยกมาจาก Honda City ตัวถัง Sedan รวมไปถึงชุดแต่ง RS ที่ยกมาทั้งหมดด้วย

แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือดีไซน์ด้านท้ายรถที่เปลี่ยนสไตล์มาเป็นแบบ 5 ประตู Hatchback ทำให้มีมิติตัวถังที่สั้นลงกว่า 204 มม. แต่มีความสูงเพิ่มขึ้น 21 มม.

ส่วนระยะฐานล้อ และความกว้างของตัวถังนั้นเท่ากันเป๊ะๆ น้ำหนักตัวถังมากกว่ารุ่น Sedan 48 กก.

Review City eHEV & City Hatchback

อีกหนึ่งส่วนที่แตกต่างออกไปจากโฉม Sedan 4 ประตู ก็คือ Diffuser ท้ายที่ออกแบบใหม่ ทำให้ตัวรถดูโดดเด่น และสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีการปรับเพิ่มลุคสปอร์ตเข้าไปด้วย เบาะนั่งแบบหนังกลับผสมหนังสังเคราะห์ที่เสริมเส้นสายสีแดงบ่งบอกความสปอร์ต รวมไปถึงแป้นคันเร่ง และแป้นเบรกแบบใหม่เข้าไป

นอกนั้นโดยรวมก็ยกมาจาก Honda City Sedan ทั้งหมด ไม่แตกต่าง

Review City eHEV & City Hatchback

โดยไฮไลท์ทั้งหมดของ Honda City Hatchback จะอยู่ที่ภายในห้องโดยสารตอนหลัง เพราะเป็นจุดที่บ่งบอกความแตกต่างของตัวรถได้อย่างชัดเจนที่สุด แน่นอนว่าในตัวถัง 5 ประตูนี้ จะได้เปรียบในเรื่องของความอเนกประสงค์ และความกว้างขวางของพื้นที่ภายในตอนหลัง

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

รวมไปถึงรูปแบบการปรับพับเบาะที่ทำได้ถึง 4 รูปแบบ ที่ช่วยเพิ่มไลฟ์สไตล์ในการเดินทางที่มากกว่า โดยทาง Honda ให้นิยามว่า เบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) อันได้แก่

Review City eHEV & City Hatchback

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
  • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

ซึ่งเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR)นี้ ถือเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ Honda City Hatchback โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด

Review City eHEV & City Hatchback

ส่วนขุมพลังตัวนี้เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะคือเครื่องยนต์ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.0 ลิตร VTEC Turbo ที่ยกมาจากโฉม Sedan

โดยให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที

ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อมมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift แบบ 7 สปีดที่พวงมาลัย (เฉพาะรุ่น RS) ประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร

Review City eHEV & City Hatchback

เอาละเมื่อทำความรู้จัก และรู้ถึงความแตกต่างของ Honda City Hatchback กันแล้ว ก็มาว่ากันในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ และการใช้งานจริงกันบ้าง

โดยช่วงแรกของการเดินทาง ผู้เขียนขอตัวมานั่งที่เบาะหลังก่อนเลย เพื่อดูว่าเดินทางไกลๆ นั่งสบายขนาดไหน ซึ่ง Honda City Hatchback ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เบาะหลังนั่งสบาย พื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือ จะขนของหรือขนคนก็ไม่อึดอัด (ยกให้เป็นห้องโดยสารตอนหลังที่กว้างที่สุดในกลุ่มนี้)

แต่สิ่งที่ต้องปรับปรุง และรู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ก็คือในเรื่องของเสียงรบกวน ซึ่งเดิมที่นั่งด้านหน้าไม่ค่อยได้ยิน แต่พอเปลี่ยนมานั่งหลังตรงนี้ชัดเจนมาก ซึ่งก็ได้รับคำวิจารณ์จากพี่ๆ นักข่าวท่านอื่นเหมือนกัน (ไม่ได้คิดไปเองคนเดียว)

Review City eHEV & City Hatchback

อีกหนึ่งจุดที่รู้สึกและสัมผัสได้เลยก็คือ ช่วงล่างด้านหลังจะมีความเฟิร์ม และแข็งกว่าด้านหน้า ซึ่งตอนแรกยังไม่แน่ใจ จนได้รับคำยืนยันจาก Honda ช่วง Q&A

ว่าระบบช่วงล่างด้านหลังของ Honda City Hatchback นั้น มีการปรับจูนใหม่ เพื่อให้สมรรถนะการขับขี่ที่สปอร์ต และขับสนุกกว่า City Sedan ซึ่งจุดนี้ Honda ไม่ได้โม้เพราะหลังจากที่เปลี่ยนไปขับเองแล้วมันใช่เลย

Review City eHEV & City Hatchback

เปลี่ยนมือมาเป็นผู้ขับเองในช่วงขึ้นเขาใหญ่พอดี แน่นอนว่าช่วงนี้เป็นการพิสูจน์สมรรถนะของรถ City Car พิกัดนี้ได้ดีเลยทีเดียว วัดกันไปเลยโค้งเยอะๆ ทางขึ้น-ลงเขา มันจะไหวไหม

ซึ่งในเรื่องของอัตราเร่งจุดนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร พิษสงของเครื่อง 1.0 VTEC Turbo เราต่างก็รู้กันดีว่ามันแรงเกินตัวขนาดไหน ถึงขนาดความเร็วสูงสุดตีไป 210 กม./ชม. ก็สัมผัสมาแล้ว เรื่องนี้จึงไม่น่าเป็นกังวล

ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันที่ทำได้จากระยะทางจากกรุงเทพฯ – เขาใหญ่ 200 กม. อยู่ที่ 17.5 กม./ลิตร

Review City eHEV & City Hatchback

แต่สิ่งที่สัมผัสได้ว่าแตกต่างเลยก็คือความคล่องตัวในการขับขี่ พอเปลี่ยนมาเป็นตัวถังแบบ Hatchback ปุ๊บ เหมือนท้ายรถมันสั้น จะมุดจะแทรก จะแซงก็ทำได้ถนัดมือไปเสียหมด

บวกกับช่วงล่างด้านหลังที่เซ็ทใหม่ให้แข็งขึ้น เฟิร์มขึ้น สปอร์ตขึ้น ก็ยิ่งที่ให้ขับสนุกมายิ่งขึ้น สาดโค้งเข้าไปแรงๆ ไม่ย้วย ไม่ดิ้น ไม่โยนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งจุดนี้น่าจะถูกอกถูกใจวัยรุ่นชาวไทยเป็นอย่างมากเพราะผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

Review City eHEV & City Hatchback

สำหรับใครที่ชอบฟิลลิ่งหรือรถทรง EK9 / Civic EG (3 ประตู) บอกเลยว่า Honda City Hatchback นี้ใกล้เคียงกับจุดนั้นมากที่สุด เป็นรถที่ให้ความสปอร์ต ขับสนุก ช่วงล่างไว้ใจได้ ท้ายสั้น มุดมันส์ แถมยังได้ความอเนกประสงค์กว่ารุ่นอื่นๆ ในตลาดอีกด้วย

เอาละนี่เพียงคันแรกที่ขับไปเท่านั้น อย่าพึ่งรีบตัดสินใจ เดี๊ยวไปดูคันขับกลับ Honda City e:HEV กันบ้างว่าคันนี้มีรายละเอียด และจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ ค่อยมาว่ากันอีกที

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City HatchbackReview City eHEV & City Hatchback

ขากลับ เขาใหญ่ – กรุงเทพฯ มีระยะทางให้ได้สัมผัส Honda City e:HEV อีก 200 กม.

ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงจุดเด่น และรายละเอียดสำคัญของตัวรถก่อน ซึ่งภายนอกขอข้ามไปเลยละกันเพราะมันก็คือ Honda City Sedan เกรด RS ที่มีการเพิ่มโลโก้ H สีฟ้าหน้า-หลัง และเพลท e:HEV บ่งบอกความเป็นรุ่น Hybrid ก็เท่านั้นแหละ อย่าไปคิดเยอะ

Review City eHEV & City Hatchback

อ้อลืมไป กระจกมองข้างฝั่งซ้ายยังมีกล้องมองภาพ Honda LaneWatch เพิ่มเข้ามาให้ด้วย ซึ่งก็เป็นเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ Accord และ Civic นั่นเอง

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

แต่ภายในนั้นขอพูดหน่อย เพราะมีของใหม่เพิ่มเข้ามาให้พอสมควร พื้นที่ภายในห้องโดยสารโดยรวมเท่ากับโฉม Sedan ไม่แตกต่าง แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ

กุญแจรีโมทพร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ (Remote Engine Start) ที่สามารถสั่งการให้สตาร์ทและเปิดแอร์ก่อนขึ้นรถได้ เหมือนใน Honda Civic

Review City eHEV & City Hatchback

รวมไปถึงหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่มีการบอกรายละเอียดการทำงานของระบบ Sport Hybrid i-MMD และการสั่งการเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ไว้อย่างครบครัน

Review City eHEV & City Hatchback

Review City eHEV & City Hatchback

อีกทั้งยังได้มาซึ่งระบบเบรกมือไฟฟ้า และปุ่ม Auto Hold ที่มีใน Honda City e:HEV เท่านั้น ปิดท้ายด้วยความสะดวกสบายขั้นสุดกับระบบปรับอากาศสำหรับห้องโดยสารตอนหลังที่คอนโซลกลาง

Review City eHEV & City Hatchback

จุดเด่นของ Honda City e:HEV ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ การมาของระบบ Full Hybrid ครั้งแรกในรถ City Car ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยกมาจาก Honda Accord Hybrid ทั้งระบบ

โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้สมรรถนะการขับขี่รวมกันสูงสุด 126 แรงม้า และมีแรงบิดสูงถึง 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบ/นาที (ซึ่งเป็นแรงบิดที่สูงที่สุดในกลุ่มนี้)

ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า E-CVT จัดเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน

ให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด 27.8 กม./ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กม. รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด E20

Honda City eHEV 2020

Honda City eHEV 2020

ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ เทคโนโลยี Honda SENSING ที่เพิ่มเข้ามาเป็นครั้งแรกเหมือนกันในรถ City Car จาก Honda อันได้แก่

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

Review City eHEV & City Hatchback

เอาละเมื่อรู้รายละเอียดทั้งหมดแล้ว ก็มาว่ากันที่สมรรถนะการขับขี่ของ Honda City e:HEV กันเลย

โดยช่วงแรกของการเดินทาง ผู้เขียนขอเป็นผู้โดยสารตอนหน้าคอยดูทางให้ก่อน ซึ่งเป็นช่วงลงเขาและมีทางคดเคี้ยวให้เลี้ยวเยอะ ทำให้สัมผัสได้ว่าระบบช่วงล่างของ Honda City e:HEV นั้นแตกต่างกับ Honda City Hatchback ที่ขับขึ้นเขาเองเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง

Review City eHEV & City Hatchback

โดยในรุ่น e:HEV นั้น ช่วงล่างจะให้ความนุ่มนวล นั่งสบายกว่า ออกแนวแน่นๆ คล้ายกับช่วงล่างที่เคยได้สัมผัสใน Honda Accord แต่ตัวรถมีขนาดเล็กลงมาก็เท่านั้น ซึ่งจุดนี้ปิ๊งได้ทันทีเลยว่ากลุ่มลูกค้าของ e:HEV นี้ ต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ที่เน้นความสบาย นุ่มนวล ไม่มุดแหลก ซึ่งช่วง Q&A ก็ได้รับคำตอบมาว่า ช่วงล่างของ Honda City Sedan และ Honda City e:HEV นั้น ถูกเซ็ทมาภายใต้พื้นฐานคำว่า “Comfort” ชัดเจนนะ

Review City eHEV & City Hatchback

ผ่านมาครึ่งทาง เปลี่ยนมาเป็นผู้ขับเองบ้าง คราวนี้ไม่รอช้ารีบหวดเพื่อดูอัตราเร่งกันก่อนเลย แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าช่วงต้นของการออกตัวไปจนถึงช่วงกลาง Honda City e:HEV ทำได้ดีกว่าเครื่อง 1.0 VTEC Turbo

แต่ถ้าความเร็วตั้งแต่ 100 กม./ชม. ขึ้นไปแล้ว เครื่องยนต์ 1.0 VTEC Turbo จะทำได้ดีกว่าชัดเจน

ซึ่งเครื่องยนต์ Hybrid ชุดนี้ทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 174 กม./ชม. เท่านั้น แต่นั่นก็เกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณแล้ว

Review City eHEV & City Hatchback

และถ้าดูจากหน้าจอแสดงผล ก็จะทราบได้ว่าในช่วงใช้คันเร่ง หรือจังหวะเร่งแซงต่างๆ นั้น จะเป็นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ หาได้มีเครื่องยนต์มาเกี่ยวข้องด้วยไม่เลย เพราะเครื่องยนต์หน้าที่หลักคือปั่นไฟ

ใช่ครับคุณฟังไม่ผิด เครื่องยนต์ใช้เป็นตัวปั่นกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่ แต่เมื่อใดก็ตามที่รถลอยตัว หรือขับด้วยความเร็วคงที่แล้ว เครื่องยนต์จะพักงานหลักหันมารับงานเสริมก็คือส่งกำลังไปสู่ล้อแทนหรือทำงานควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้า (แล้วแต่สถานการณ์)

Review City eHEV & City Hatchback

ซึ่งหลักการนี้เองทำให้ Honda City e:HEV ทำอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี เพราะในช่วงเร่งแซง หรือกดคันเร่ง เครื่องยนต์ไม่ได้มีการทำงาน หรือใช้รอบเครื่องยนต์ช่วยส่งกำลังแต่อย่างใด ทำให้อัตราการซดน้ำมันไม่มีผล เครื่องยนต์จะทำงานส่งกำลังไปสู่ล้อก็ต่อเมื่อรถใช้ความเร็วลอยตัว หรือความเร็วคงที่เท่านั้น

หรือคิดตามแบบบ้านๆ ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเครื่องยนต์อะไร ก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันต้องกินน้ำมันน้อยกว่าการใช้เครื่องยนต์ตอนเร่งแซงอย่างแน่นอน และนั่นจึงทำให้ตัวเลขอัตราประหยัดน้ำมันแบบ AVG ของทริปนี้ผมทำได้ที่ 26.4 กม./ลิตร (บอกเลยว่าโคตรประหยัด)

Review City eHEV & City Hatchback

อีกหนึ่งจุดที่ตอนแรกก็งงๆ มันใช้งานยังไง คืออะไรกันแน่ก็คือ แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ซึ่งมีให้เหมือนกันใน Honda City e:HEV แต่ไม่ใช้เป็นการเปลี่ยนเกียร์อย่างที่เข้าใจ หากแต่เป็นแป้นที่มีไว้เพื่อหน่วงกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า

โดยจะมีประโยชน์ในทางลงเขาหรือทางลาดชัด ซึ่งอารมณ์มันคล้ายๆ กับ Engine Brake นั่นเอง มีความหน่วงให้ใช้งาน 3 ระดับ ซึ่งแต่ละความหน่วงนั้นก็จะแปรผันกลับไปเป็นพลังงานจัดเก็บที่แบตเตอรี่อีกทีหนึ่งด้วย

Review City eHEV & City Hatchback

ส่วนระบบความปลอดภัย Honda SENSING จุดนี้ไม่ได้ลองเล่นมาก เพราะมัวแต่โฟกัสไปที่การทำงานของระบบ Sport Hybrid i-MMD แต่บางจังหวะที่เป๋ๆ ออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ตัวรถก็จะแจ้งเตือน พร้อมส่งสัญญาณและหน่วงพวงมาลัยกลับมาในเลนให้เอง เลยรู้ว่ามันก็ยังคอยทำงานช่วยเหลือให้อยู่นะ

โดยเป็นการใช้กล้องมองภาพมุมกว้างหลังกระจกหน้าเป็นตัวสั่งการ (ไม่มีเซ็นเซอร์ และเรดาร์) ซึ่งจุดนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้หากวันใดกล้องจับภาพได้ไม่ชัด หรือสถานการณ์ฝนตกหนักทัศนวิสัยไม่ดี จะทำงานได้ดีอยู่หรือเปล่า (แต่ทั้งนี้การขับรถก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความไม่ประมาทอยู่แล้ว) ต่อให้มีระบบดี แต่ขับประมาทอุบัติเหตุก็ใช่ว่าจะไม่เกิด จริงไหม?

Review City eHEV & City Hatchback

บทสรุป

และทั้งหมดนี้ก็คือรายละเอียดของ Honda City Hatchback และ Honda City e:HEV ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 2 รุ่นต่างก็มีจุดเด่น และคาแร็คเตอร์ของตัวเองที่ชัดเจน โดยหากใครที่ชื่นชอบความสปอร์ต การขับขี่ที่สนุก รวมไปถึงความอเนกประสงค์ในการจัดเก็บสัมภาระยังไงซะตัวถัง Hatchback ก็ต้องตอบโจทย์กว่าอยู่แล้ว

ราคาจำหน่าย Honda City Hatchback

  • รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
  • รุ่น SV ราคา 675,000 บาท
  • รุ่น Sราคา 599,000 บาท

Review City eHEV & City Hatchback

หากแต่คุณต้องการความครบครัน อ็อพชั่นที่จัดเต็มที่สุด รวมไปถึงขุมพลัง Full Hybrid ที่เหมือนกันยก Honda Accord Hybrid มาอยู่ในร่าง City Car แถมยังได้มาซึ่ง แอร์หลัง เบรกมือไฟฟ้า Honda LaneWatch ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ภายใต้สมรรถนะการขับขี่ที่ประหยัด และนั่งสบาย Honda City e:HEV คือคำตอบของคุณอย่างแน่นอน

ราคาจำหน่าย Honda City e:HEV

  • รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000.

ค่าตัว 8.39 แสนบาท อาจเป็นตัวเลขที่ฟังดูน่าตกใจ แต่ในระยะยาวหากนำไปหักลบกับค่าน้ำมันแล้ว มันอาจจะเป็นตัวเลขที่คุ้มค่ากว่าก็ได้นะใครจะไปรู้!!


บทความน่าอ่าน!!

สัมผัสแรกก่อนเปิดตัว All-New Mazda BT-50 บอกเลยว่ารถกระบะคันนี้คุ้มค่าแก่การรอคอย

รีวิว New Ford Ranger 2020 สัมผัสนิยามใหม่และตัวตนของ Ranger กระบะพันธุ์แกร่งที่ไปได้มากกว่า

รีวิว Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี ดุดัน ทรงพลัง สปอร์ตเร้าใจยิ่งกว่าเดิม

รีวิว 2021 Nissan Navara ใหม่ แกร่งขึ้นเยอะ ลุยได้มั่นใจ ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม

รีวิว All-New Isuzu Mu-X 2021 สัมผัสแรกก่อนขายจริง เปลี่ยนใหม่ครั้งนี้บอกเลยคุ้มค่าแก่การรอคอย

รีวิว Toyota Corolla Cross รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย และความประหยัด

รีวิว Nissan Kicks e-Power ขับจริง 450 กม. อัตราเร่งจัดจ้านแบบรถ EV ส่วนจะประหยัดขนาดไหน..เดี๊ยวรู้กัน

รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo รุ่นท็อปสุด RS มีดีแค่ไหน? ถึงกล้าขาย 739,000.


สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์ "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด