รีวิว Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี ดุดัน ทรงพลัง สปอร์ตเร้าใจยิ่งกว่าเดิม

รีวิว Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี ดุดัน ทรงพลัง สปอร์ตเร้าใจยิ่งกว่าเดิม

หากจะพูดถึงรถ Sport Coupe ที่มีตำนานมาอย่างยาวนาน ชื่อของ “Ford Mustang“ ต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่ใครหลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน

ด้วยความเป็นรถสปอร์ตที่ทรงพลัง ดุดัน ตามแบบฉบับอเมริกันมัสเซิลคาร์ขนานแท้ พร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และชื่อเสียงในวงการรถสปอร์ตที่อยู่มายาวนานไม่ต่ำกว่า 5 ทศวรรษ

จนทำให้ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่เจเนอร์เรชั่น เราก็ยังคุ้นหน้าคุ้นตา และได้ยินชื่อเสียงของ Ford Mustang อยู่ตลอดเวลา

และในวันนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เปิดตัว Ford Mustang รุ่นพิเศษ 55^th Years Anniversary Edition เพื่อเป็นการฉลองให้กับความสำเร็จครบรอบ 55 ปีอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นการสานต่อตำนานความเร้าใจของ Ford Mustang ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดใหม่ เสริมอ็อพชั่นที่บ่งบอกความเป็นรุ่นพิเศษแบบ Limited Edition (ในจำนวนจำกัด) โดยมีจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่

• รุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,899,000 บาท
• รุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,699,000 บาท

ล่าสุดทีมงาน 9carthai.com ได้นำ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี มาทำการทดสอบ เพื่อพิสูจน์สมรรถนะ พร้อมเจาะลึกรายละเอียดทุกฟีเจอร์ที่มีในรุ่นพิเศษนี้ โดยรุ่นที่นำมารีวิวครั้งนี้เป็นรุ่นท็อปสุด 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ที่ใช้เส้นทางทดสอบจากกรุงเทพฯ – สะพานชลมารควิถี จ.ชลบุรี โดยมีระยะทางรวมกว่า 240 กม.

ก่อนอื่นต้องเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของรุ่นพิเศษนี้กันก่อน ย้อนกลับไปในปี 1964 Ford ได้สร้างตำนานรถสปอร์ตสมรรถนะสูงสายพันธุ์อเมริกันขนานแท้รุ่นแรกให้โลกได้ประจักษ์ โดยมีนามว่า Ford Mustang ที่มาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทั้งโลกต่างให้การยอมรับ

จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน Ford มียอดขาย Mustang มากกว่า 10 ล้านคันทั่วโลก การันตีความเป็นเบอร์หนึ่งด้วยตำแหน่งรถสปอร์ตคูเป้ที่ขายดีที่สุดในโลก 5 ปีซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าตำนานแห่งความเร้าใจของ Ford Mustang ยังคงร้อนแรงไม่มีวันเสื่อมคลาย และนั่นจึงเป็นที่มาของ Ford Mustang รุ่นพิเศษ 55^th Years Anniversary Edition

สำหรับดีไซน์ภายนอกของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี นั้น Ford ยังคงติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันดุดัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Ford Mustang เหมือนเช่นเดิม เริ่มจาก

ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ส่วนไฟ Daytime Running Light เป็นแบบ LED ในสไตล์ไตรบาร์ (3 แถว) ออกแบบให้อยู่ในโคมเดียวกัน

กระจังหน้าทรงสีเหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ พร้อมตะแกรงแบบรังผึ้งเพื่อเปิดรับอากาศเข้าสู่ห้องเครื่องได้แบบเต็มๆ ตรงกลางมาพร้อม ICON ที่บ่งบอกความเป็น Mustang ฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่มาพร้อมกับช่องดักอากาศ 2 ตำแหน่ง เพื่อช่วยระบายความร้อนให้กับขุมพลัง V8 และดูดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น

กันชนหน้ามาในสไตล์สปอร์ต พร้อมตัดหมอก LED ที่ออกแบบให้มีเส้นสายของไฟเลี้ยว LED ในโคมเดียวกัน รวมไปถึงชุดลิ้นหน้าสำหรับแหวกอากาศ เพื่อเสริม Aerodynamic ให้กับตัวรถ

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED สามารถพับเก็บและสั่งการด้วยระบบไฟฟ้า และไฟส่องสว่างข้างตัวรถ Pony Puddle Lamps ที่ส่องรูป ICON Mustang ลงที่พื้น (ขณะปลดล็อครถ หรือเปิดประตู) ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมขึ้นอีกระดับ

หลังคามาในสไตล์ท้ายลาด Fast Back ตามสไตล์ของรถ Sport Coupe เสริมด้วยเสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin ส่วนไฟท้ายมาในสไตล์ไตรบาร์ (3 แถว) อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mustang ส่องสว่างแบบ LED ชัดเจนทุกความเคลื่อนไหว ตรงกลางฝาท้ายประทับตราโลโก้ GT บ่งบอกความเป็นรุ่นท็อป รวมไปถึง Diffuser ที่ออกแบบมาเฉพาะในรุ่น GT มาพร้อมปลายท่อไอเสียคู่ออกซ้าย-ขวาที่สะท้อนภาพลักษณ์ของตัวรถที่ทรงพลัง ปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์บนฝาท้ายที่มีให้เฉาะในรุ่น GT เท่านั้น

แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี นี้ก็คือ การปรับเปลี่ยนลวดลายของล้อแม็กใหม่ มาในสีดำอันดุดัน ขนาด 19” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Performance Pack รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport4s ขนาดด้านหน้า 255/40zr19 ส่วนด้านหลังขนาด 275/40zr19 ซึ่งเป็นยางแบบสปอร์ต รองรับกับการขับขี่ความเร็วสูง

ส่วนระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ โดยเบรกหน้าเป็นปั้ม Brembo 6 POT ที่พร้อมสยบฝูงม้าทั้ง 449 ตัวได้อย่างอยู่หมัด ส่วนด้านหลังมีการติดตั้งระบบ Limited Slip Differential ที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ และเพิ่มสมรรถนะการทรงตัวที่ดีขึ้น เนื่องจากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง หากไม่มีระบบตรงนี้ช่วย การควบคุมม้าป้าคันนี้จะทำได้ยากลำบาก เพราะเจ้าม้าป้าคันนี้มันค่อนข้างพยศเอาเรื่อง

สำหรับภายในห้องโดยสารของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี นั้น ได้รับการออกแบบใหม่ที่ยกระดับความพรีเมียม และสปอร์ตเร้าใจมากยิ่งขึ้น เริ่มจากคอนโซลหน้าที่มีการประทับตราสัญลักษณ์ “MUSTANG FIFTY FIVE YEARS” บ่งบอกความเป็นรุ่นพิเศษแบบ Limited Edition

เท่านั้นยังไม่พอ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่มีให้เฉพาะม้าป่ารุ่นพิเศษนี้ก็คือ เบาะนั่งแบบ Bucket Seat จากแบรนด์ RECARO ซึ่งเป็นเบาะที่ออกแบบมาสำหรับติดตั้งในรถแข่งโดยเฉพาะ ที่ยังคงมอบความนุ่มนวลนั่งสบาย แต่ให้ความกระชับรองรับกับทุกสรีระ และช่วยป้องกันการลื่นไถลในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่รถสปอร์ตสมรรถนะสูงได้อย่างเต็มที่ โดยตัวเบาะจะปรับเดินหน้า-ถอยหลังด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนการปรับเอนจะเป็นระบบแมนนวลเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้าห้องโดยสารตอนหลัง

ในส่วนของมาตรวัดความเร็วยังคงเป็นแบบเดียวกับรุ่นมาตรฐาน กับหน้าจอ LCD ขนาด 12″ แบบสี ที่สามารถบอกรายละเอียดการทำงาน ร่วมถึงการตั้งค่าสั่งการฟีเจอร์ต่างๆ ผ่านปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านทรงสปอร์ตมัลติฟังก์ชั่น

หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 8″ มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SYNC® 3 พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบนำทาง Navigation ที่รองรับภาษาไทย

มอบสุนทรียภาพในการขับขี่ และช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ด้วยชุดเครื่องเสียงระดับ Hi-End จากแบรนด์ Bang & Olufsen ลำโพง 12 ตำแหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟายเออร์แยกส่วน รวมไปถึงระบบไฟภายในห้องโดยสารทั้งมือเปิดประตู หรือสครับเพลท Mustang ที่ชายล่างประตูที่มาพร้อมไฟส่องสว่างสีแดง

ส่วนปุ่มควบคุมการสั่งการทั้ง Mode การขับขี่, ระบบปรับโหมดพวงมาลัย, ระบบเปิด-ปิด Traction Control และไฟฉุกเฉิน จะมาในรูปแบบสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่ในรถแข่งทั้งหมด ส่วนระบบควบคุมอุณหภูมิจะเป็นแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone แต่ปุ่มกดต่างๆ จะดีไซน์ในสไตล์แบบรถอเมริกัน

ส่วนเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2 ที่นั่ง โดยมาในสไตล์คล้ายกับ Bucket Seat ที่จะมีปีกโอบรับสรีระเพื่อป้องกันการลื่นไถลด้วย

ภายใต้ฝากระโปรงของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นเพื่อมอบสมรรถนะในการขับขี่อันเร้าใจ ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 529 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift

อีกทั้งความพิเศษของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี ยังมาพร้อมกับชุดท่อไอเสียใหม่ Active Valve Performance Exhaust แบบ 4 ปลายท่อ ที่สามารถปรับระดับความดังของเสียงได้ถึง 4 โหมด ไม่ว่าจะเป็น Quiet, Normal, Sport และ Track

ซึ่งต้องบอกว่าโหมด Track นี้ให้ซุ่มเสียงอันทรงพลัง ดุดัน เร้าใจ ตามแบบฉบับเครื่อง V8 อย่างแท้จริง หากสตาร์ทหน้าบ้านตอนเช้าๆ ข้างบ้านมีเคืองกันแน่นอน ด้วยเหตุนี้ Ford จึงออกแบบให้มีโหมด Quiet ที่จะช่วยลดระดับความดังของเสียงเครื่องยนต์ลง ทำให้สามารถสตาร์ทรถได้อย่างสบายใจมากขึ้น รวมไปถึงยังมีระบบ Electronic Line Lock (ล็อคเบรกหน้า) ที่ให้ผู้ขับสามารถเบิร์นยางคู่หลังก่อนออกตัวได้เหมือนเช่นเดิม

ส่วนโหมดการขับขี่ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี จะมีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 5 โหมด ได้แก่ Normal, Snow/Wet, Sport+, Track และ Drag Strip ซึ่งแต่ละโหมดน่าจอแสดงข้อมูลการขับขี่จะแสดงผลที่แตกต่างกัน และจะมีการปรับจูนในส่วนของรอบเครื่องยนต์ พวงมาลัยไฟฟ้า และเสียงของท่อไอเสียที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของแต่ละโหมด

ด้านระบบความปลอดภัยของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ

• ระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection)
• ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
• ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)

ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน

• ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
• ระบบควบคุมการทรงตัว (Advancetrac® With Electronic Stability Programme)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control)
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)

เมื่อทำความรู้จักกับสเปคและรายละเอียดทั้งหมดของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ และปราบเจ้าม้าพยศคันนี้ให้อยู่หมัดกันหน่อยแล้ว

โดยการทดสอบครั้งนี้ ผู้เขียนได้พาเจ้า Ford Mustang 55^th Years Anniversary Edition มาไกลถึงสะพานชลมารควิถี จ.ชลบุรี เพราะถ้าจะให้ขับรถระดับ Ford Mustang อยู่แต่ในกรุงเทพฯ ฝูงม้าทั้ง 449 ตัว คงจะเฉาตายกันพอดี และถือเป็นโอกาสได้ลองขับทางไกลดูด้วย ซึ่งมันทำให้รู้ว่าเจ้ารถสปอร์ตคูเป้คันนี้นั้น สามารถไปได้ทุกที่ เป็น Super Car ที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง ไม่ใช่แค่เป็นรถที่เอาไว้ขับเท่ๆ เพียงอย่างเดียว

สำหรับฟิลลิ่งการขับขี่ อันนี้ถือเป็นจุดขายหลักของ Ford Mustang เลยก็ว่าได้ เพราะตัวรถเองนั้นก็ไม่ได้มีฟังก์ชั่น หรือเทคโนโลยีอะไรมากมายหากเทียบกับรถ Super Car รุ่นอื่นๆ แต่สิ่งที่คุณจะได้รับจาก Ford Mustang รุ่นเดียวเท่านั้น ก็คือ ความเร้าใจในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V8 ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลัง ซึ่งช่วยมอบความสนุกและตื่นเต้นในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

ส่วนทางด้านอัตราเร่ง บอกเลยว่าเป็นรถที่มีคาแร็คเตอร์ก้าวร้าว ดุดัน พร้อมจะพุ่งทะยานทันทีที่คุณกดคันเร่ง อัตตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้ระยะเวลาเพียงไม่ถึง 5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทำได้บอกไปกลัวจะมีดราม่า แต่รับประกันได้เลยว่าทะลุหลัก 250 กม./ชม. อย่างแน่นอน และยิ่งถ้าขับในโหมด Sport+ หรือ Track แล้วด้วยละก็รับรองเลยว่าไม่มีใครกล้าขวางหน้าคุณอย่างแน่นอน เพราะเสียงคำรามของขุมพลัง V8 มันเป็นใบเบิกทางให้คุณได้จริงๆ

แต่ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยขับรถระดับ 400 แรงม้า ที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง คืออย่าเผลอกดคันเร่งในขณะที่คุณไม่พร้อม หรืออย่ากดคันเร่งแรงเกินในจังหวะออกโค้ง หรือเปลี่ยนเลน เพราะตัวรถอาจเกิดอาการ OverSteer ได้ง่ายๆ เพราะแรงบิดระดับ 529 นิวตัน-เมตร ที่ส่งไปสู่ล้อนั้น มันพร้อมจะปลดปล่อยพลังออกมาได้ตลอดเวลา ชนิดที่เรียกได้ว่าหน้าตึงหลังติดเบาะกันทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง

สำหรับระบบช่วงล่างของ Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี จุดนี้ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติจริงๆ แม้ตัวรถจะเป็น Super Car แต่ทว่าความนุ่มนวล นั่งสบาย นี่ไม่แพ้กับรถยนต์นั่งหรูๆ เลยทีเดียว อีกทั้งยังรองรับกับการขับขี่ในความเร็วสูงๆ ได้อย่างอยู่หมัด ไม่มีอาการย้วย หรือโยน จะมีก็แค่ท้ายสไลด์บางครั้งหากคุณกดคันเร่งออกโค้งแรงเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถขับหลัง และเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ Ford Mustang

อีกทั้งในรุ่นพิเศษ 55^th Anniversary Edition นี้ ยังมาพร้อมกับเบาะ Bucket Seat ของ RECARO ซึ่งช่วยป้องกันการลื่นไถลของผู้ขับในจังหวะสาดโค้งแรงๆ หรือจังหวะการเหวี่ยงของรถได้เป็นอย่างดี ทำให้ตัวผู้ขับยังคงอยู่ในตำแหน่งที่สามารถควบคุมรถต่อไปได้ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่รถสปอร์ตสมรรถนะสูงได้อย่างเต็มที่

ด้านระบบเบรกจุดนี้สบายใจได้เลย Brembo 6 POT ที่ด้านหน้าเอาอยู่ทุกสถานการณ์ กดหนักๆ มีหัวทิ่ม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการจะหยุดฝูงม้ากว่า 449 ตัวได้นั้น มันต้องพึ่งระบบเบรกอย่าง Brembo นี่แหละถึงจะอุ่นใจ

สำหรับทัศวิสัยในการมองเห็น จุดนี้หากใครไม่เคยขับรถสปอร์ตมาก่อน อาจจะรู้สึกว่ามองยาก เพราะตัวรถค่อนข้างต่ำ และตำแหน่งการนั่งเหมือนแทบจะนั่งลงไปกับพื้น เพราะตัวรถออกแบบให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำที่สุด แต่ทว่า Ford Mustang อาจจะไม่ถึงขั้นนั้น ลักษณะท่าทางการขับต่างๆ แทบไม่แตกต่างกับรถซีดานทั่วไป แต่จะลำบากหน่อยตรงที่ฝากระโปรงหน้าค่อนข้างยาว ซึ่งทำให้การจอด หรือการขับต่อท้ายคันหน้าต้องเว้นระยะห่างมากขึ้น ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร จุดนี้บอกตรงๆ วิ่ง 160+ ก็ไม่ได้ยินเสียงลมเข้ามา เพราะเสียงเดียวที่คุณจะได้ยิน คือเสียงของท่อไอเสียอันเร้าใจจากขุมพลัง V8 อย่างเดียวเท่านั้น

บทสรุป

และนี่ก็คือรายละเอียดทั้งหมดของ Ford Mustang 55^th Years Anniversary Edition ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งต้องบอกว่านี่คือรถระดับ Super Car ที่เข้าถึงง่ายที่สุดแล้วในเวลานี้ กับค่าตัวแค่เพียง 4,899,000 บาท แต่คุณได้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร สมรรถนะ 449 แรงม้า ซึ่งไม่มี Super Car รุ่นไหนในราคานี้ให้คุณได้

อีกทั้งในรุ่นพิเศษนี้ยังมาพร้อมกับเบาะ RECARO แบบรถแข่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับภายในห้องโดยสาร และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจขึ้นอีกระดับ และจุดขายสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ การได้ครอบครองรถสปอร์ตที่มีตำนานมาอย่างยาวนานอย่าง Ford Mustang ในจำนวนจำกัดที่มีขายในประเทศไทยเพียงไม่กี่คัน ซึ่งช่วยยกระดับความพรีเมียม แบบ Limited Edition ขับไปไหนใครก็เหลียวมอง แถมยังสามารถจอดในโซน Super Car ตามห้างสรรพสินค้าได้อีกด้วย