
ขับจริงกว่า 2,000 กม. ลุยได้ทุกที่ ในกิจกรรม Nissan Go Anywhere ประเทศมาเลเซีย
นิสสัน ประเทศไทย สานต่อกิจกรรม “Go Anywhere” จัดทริปทดสอบรถต่างแดนในรูปแบบคาราวาน โดยในปีนี้ Nissan ยกทัพ Nissan Terra, Nissan Navara และ Nissan X-Trail พร้อมเชิญคณะสื่อมวลชนกว่า 78 คน จากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมผจญภัย เป็นเวลา 8 วัน 7 คืน ซึ่งมีระยะทางรวมกว่า 2,000 กม. ตะลุยรอบประเทศมาเลเซีย
การทดสอบขับภายใต้ธีม “Go Anywhere” หรือ “ลุยได้ทุกที่” ของ Nissan ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายของมาเลเซีย จัดขึ้นเพื่อทดสอบรถยนต์ Nissan ที่ผลิตในประเทศไทย โดยเส้นทางรอบประเทศมาเลเซียสามารถพิสูจน์สมรรถนะ ความสะดวกสบายในการขับขี่ และเทคโนโลยีอัจฉริยะจากการใช้งานจริง ของ Nissan Terra, Nissan Navara และ Nissan X-Trail ได้เป็นอย่างดี ด้วยสภาพเส้นทางที่ผสมผสานถนนลาดยาง ถนนโค้งบนภูเขา หรือการผจญภัยแบบ Off Road
กิจกรรม Go Anywhere Malaysia เริ่มต้นด้วยการขับรถบนทางหลวงจากอำเภอหาดใหญ่ ไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย (ที่ด่านสะเดา) มุ่งหน้าสู่รัฐเกอดะฮ์ (Kedah) ประเทศมาเลเซีย ก่อนเดินทางไปยังภูเขาเจไร (Mount Jerai) – ปราสาทเคลลี (Kellie’s Castle) และปิดท้ายที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ สำหรับนักข่าวกลุ่มที่ 1
ขณะที่นักข่าวกลุ่มที่ 2 ขับต่อจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังเมืองกวนตัน (Kuantan) ผ่านเมืองปุตราจายา (Putrajaya) และเมืองมะละกา (Malacca)
และกลุ่มสุดท้าย รับไม้ต่อจากจากกวนตันผ่านเมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) ไปยังรัฐปีนัง (Penang) ก่อนที่จะข้ามชายแดนด่านสะเดากลับสู่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งทีมงาน 9carthai.com ถูกจัดให้ได้ทดสอบในกลุ่มที่ 3 นี้ ซึ่งมีระยะทางกว่า 1,000 กม.
สำหรับสเปคพื้นฐานของทั้ง 3 นั้น ผมขออนุญาตไม่เจาะลึกลงไปในรายละเอียด เพราะทั้ง 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Nissan Terra, Nissan Navara และ Nissan X-Trail นั้น ต่างก็เป็นรถที่ทำตลาดในประเทศไทยมานานพอสมควร ซึ่งสเปคต่างๆ หลายท่านคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว
บทความนี้จึงขอเล่าแต่ประสบการณ์การเดินทางทดสอบรถทั้ง 3 รุ่น ที่ประเทศมาเลเซียให้ได้ติดตามกัน เพื่อพิสูจน์ว่านอกเหนือไปจากสภาพภูมิประเทศของไทยแล้ว รถ Nissan ทั้ง 3 รุ่นนั้น ก็สามารถไปได้ทุกที่ทุกเส้นทางบนโลกใบนี้
สเปคพื้นฐาน Nissan Terra, Nissan Navara และ Nissan X-Trail ติดตามได้ที่
สเปคและราคา Nissan Terra : NEW NISSAN TERRA 2020-2021
สเปคและราคา Nissan Navara : NISSAN NAVARA 2020-2021
สเปคและราคา Nissan X-Trail : All New Nissan X-Trail 2020-2021
วันแรกของการเดินทางในทริปนี้ ทางทีมงาน 9carthai.com ถูกจัดให้ได้ขับ Nissan X-Trail ก่อนเลย ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นรถ SUV ที่นั่งสบาย มีระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามแบบฉบับ Nissan Intelligent Mobility แถมหลังคายังมี Panoramic Sunroof ให้ได้เปิดรับบรรยากาศการเดินทางได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
โดยการเดินทางขับขี่ในประเทศมาเลเซียนั้น ไม่ต้องปรับตัวอะไรกันมาก เพราะรถที่นั่งขับพวงมาลัยขวา และเดินรถทางซ้ายเหมือนประเทศไทย แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือเส้นทาง และทัศนียภาพในการเดินทางที่แปลกตาไป
สำหรับการเดินทางในช่วงแรกเป็นช่วงเดินทางบนถนนดำผ่านเส้นทางชนบท และเส้นทางหลวง ซึ่งก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากประเทศไทยมากนัก สิ่งที่ต่างก็คือบรรดารถแปลกๆ ที่เราได้ขับผ่านมา เพราะบางรุ่นไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย จนกระทั่งพักทานข้าวกลางวันเสร็จ และเริ่มออกเดินทางในช่วงบ่าย
โดยเส้นทางของช่วงบ่ายนั้น ทางทีมงาน Nissan ได้เตรียมเส้นทาง Off-Road ไว้ให้ได้ทดลองขับกัน ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติ (ไม่ได้มีการเซ็ทอัพใดๆ ทั้งสิ้น) ซึ่งลักษณะเส้นทางเป็นเหมือนผิวธารที่น้ำแห้ง พื้นล่างเป็นดินปนทรายสลับกับหินเล็กใหญ่ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังและอ่านไลน์ Off Road ให้ดี ซึ่งถ้าหากไปตามไลน์รถคันหน้า (รถนำขบวน) ระบบช่วยเหลือต่างๆ ของตัวรถ ก็จะพาตัวรถไปได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งในรุ่น Nissan X-Trail นั้น เป็นแบบ 4WD Auto ก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ผู้ขับแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ค่อยเลี้ยงรอบ Walking Speed ดูไลน์ให้แม่นเพียงเท่านี้ ตัวรถก็จะลุยไปในเส้นทาง Off Road อย่างสบายๆ แม้ในบางช่วงจะมีการลุยน้ำ หรือลุยโคลนบ้างก็ไม่ติดขัดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องวางล้อให้ตรงไลน์ อย่าไปเปิดไลน์ใหม่ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนหินก้อนใหญ่กระแทกใต้ท้องเครื่องเอาได้
ส่วนถ้าเป็นรุ่น Nissan Terra หรือ Nissan Navara การปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนนั้นก็สามารถทำได้ง่ายไม่ต่างกัน เพราะเป็นระบบแบบ Shift-on-the-fly สามารถปรับเปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H ได้โดยทันทีแบบไม่ต้องจอดรถ ส่วนถ้าต้องการแรงบิดสูงในสถานะการที่ยากต่อการเดินทางจริงๆ ก็แค่กดและบิดไปที่ 4LO เพียงเท่านี้ตัวรถก็จะส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 เพื่อทะยานข้ามบ่อโคลน หรือพื้นผิวที่ลื่นเป็นพิเศษได้อย่างสบายๆ
ส่วนการเดินทางในวันที่ 2 นั้น จะเป็นการขับแบบข้ามรัฐ ซึ่งเป็นถนน Highway ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งครั้งนี้ได้เปลี่ยนมาขับ Nissan Terra รถอเนกประสงค์ PPV คันโต ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ กระเป๋าเดินทางและสัมภาระต่างๆ จัดเก็บไว้ที่ด้านหลัง แถมพื้นที่ภายในห้องโดยสารยังเหลือให้เลือกนั่งได้เลยว่าจะจิ้มตำแหน่งไหน
สำหรับการเดินทางบนทางหลวงเป็นระยะทางไกลๆ Nissan เขาก็มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) ซึ่งจะรักษาระยะห่างที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถคันหน้าตามที่ตั้งค่าเอาไว้ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ (Intelligent Engine Brake) ที่จะช่วยเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างนุ่มนวลเมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว
ซึ่งเทคโนโลยีทั้ง 2 อย่างนี้ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง ซึ่งจะเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนในขับขี่บนทางหลวง ทางด่วน หรือในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง Nissan Intelligent Mobility ได้ถูกใช้ประโยชน์ตลอดการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) ที่มอบมุมมอง แบบ 360 องศา ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นมุมรอบคันของรถทั้งหมดได้อย่างง่ายดายเมื่อขับผ่านพื้นที่แคบ
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชันและเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA และ Hill Descent Control – HDC) ป้องกันไม่ให้รถยนต์ไหลเมื่อขับขึ้นหรือลงพื้นที่ลาดชัน อีกทั้งเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ใช้ในการขับขี่ ได้แก่ เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC), เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก (Electronic Brake-force Distribution – EBD), ระบบเบรกกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS), เทคโนโลยีเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA), เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) และ เทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เป็นต้น
ตลอดการเดินทางก็เพลิดเพลินไปกับระบบอินโฟเทนเมนท์ภายในรถ ที่มาพร้อมการเชื่อมต่อ Nissan Connect ซึ่งสามารถรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แน่นอนว่าทางทีมงานก็เป็นหนึ่งในนักฟังเพลงตัวยง จึงไม่รอช้ารีบเสียบสายชาร์จ USB เชื่อมต่อ Apple CarPlay ฟังเพลงออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย แถมช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางได้เป็นอย่างดี
วันสุดท้ายของการเดินทางเปลี่ยนอารมณ์มาขับกระบะ Nissan Navara แต่น่าเสียดายเพราะเส้นทางวันสุดท้ายก็ยังคงเป็นถนนแบบ Highway และถนนหลักเป็นสำคัญ ซึ่งทำให้ไม่ได้สัมผัสกับสมรรถนะของตัวรถได้อย่างเต็มที่ แต่จุดเด่นหนึ่งที่ Nissan Navara ทำได้เป็นอย่างดีก็คือ ความคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่ต้องเปลี่ยนเลน หรือจังหวะเร่งแซงในการจราจรหนาแน่น
ก่อนจะขับข้ามกลับมายังประเทศไทยที่ด่านสะเดา จ.สงขลา ก็มีการแวะซื้อสินค้า Duty Free กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งข้อดีของการขับ Nissan Navara กลับมาก็คือ ใส่สัมภาระและสินค้าที่ช้อปปิ้งกลับมาได้เยอะมากจริงๆ
ทั้งนี้กิจกรรม Nissan Go Anywhere ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ว่า ยนตรกรรมของ Nissan ที่ผลิตโดยคนไทย สามารถไปได้ทุกที่ทุกเส้นทางบนโลก ซึ่งแฟนคลับ Nissan หรือเจ้าของรถ Nissan ก็คงจะพอทราบกันดีถึงสมรรถนะ และความทนทาน ซึ่งทีมงาน 9carthai.com ขอช่วยยืนยันอีกหนึ่งเสียงหลังจากที่ได้ไปทดลองขับเองกว่า 1,000 กม.
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
โตโยต้า อัลติส | โตโยต้า รีโว | Honda City | Honda Civic | มาสด้า 2 | Mazda CX-5 | นิสสัน อัลเมร่า | นิสสัน คิกส์ | Suzuki Swift | มิราจ | แอททราจ | ISUZU D-MAX | ISUZU MU-X
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ขับจริงกว่า 2,000 กม. ลุยได้ทุกที่ ในกิจกรรม Nissan Go Anywhere ประเทศมาเลเซีย "