
Test Drive : รีวิว HONDA HR-V RS 2018 คล่องตัว เร้าใจ ในเมืองขับง่าย ทางไกลพร้อมตอบโจทย์
Honda HR-V เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2557 นับเป็นรุ่นที่เข้ามาเปิดตลาดและเติมเต็มความต้องการของตลาดรถยนต์เอสยูวีในระดับคอมแพคท์เซ็กเมนต์ ทำให้มียอดขายสูงสุดในตลาดเอสยูวี 3 ปีซ้อน และมียอดขายสะสมกว่า 66,000 คัน และล่าสุดก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องขยับปรับโฉมตามวงรอบ
Honda HR-V รุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นปรับโฉม โดยทำตลาดเพียง 3 รุ่นเช่นเดิม แต่มีการจัดเรียงรุ่นเริ่มต้นเป็น รุ่น E ราคา 949,000 บาท รุ่นกลาง EL ราคา 1,059,000 บาท และรุ่นท็อป RS ราคา 1,119,000 บาท (เดิม S, E และ EL) มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี โดยมีสีใหม่ คือแดงแพสชั่น (มุก) มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น RS และอีก 4 สี ได้แก่ ขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท, ดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท, เงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)
รูปลักษณ์ภายนอก สำหรับรุ่นย่อยที่ทีมงาน 9Carthai นำมารีวิวเป็นรุ่นท็อป RS มาพร้อมดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกที่เพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและภายในที่พรีเมียมมากขึ้น เสริมด้วยรุ่น RS ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตรอบคัน จุดที่บ่งบอกความต่าง มีการปรับรายละเอียดให้โฉบเฉี่ยวขึ้นหลายจุด
กันชนหน้า-หลัง และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่คาดด้วยแถบโครเมี่ยมรมดำ ส่วนตัวกระจังเป็นลายรังผึ้ง (เฉพาะรุ่น RS) สำหรับรุ่น E และ EL กระจังเป็นซี่แนวนอน มาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED (รุ่น E ไฟหน้าโปรเจคเตอร์) และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทุกรุ่นย่อย บริเวณชายกันชนซ้าย-ขวามีการติดตั้งไฟตัดหมอกแบบ LED ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า รองลงมาในรุ่นกลาง EL เป็นไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจน ส่วนรุ่น E ไม่มีไฟตัดหมอก
กระจกมองข้างสีดำให้อารมณ์ความสปอร์ต (รุ่น EL, E สีเดียวกับตัวรถ) ส่วนปลายกระจกติดตั้งกล้องของระบบ Honda LaneWatch
ล้อแม็กรุ่น RS ดีไซน์ใหม่แบบ 5 ก้านทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/55R17
ต่อเนื่องมาที่กระจกมองข้างมีฝังไฟเลี้ยวในตัวทุกรุ่นย่อย แต่รุ่น RS เป็นสีดำตัดกับตัวรถ ส่วนรุ่น E และ EL เป็นแบบสีเดียวกับตัวรถ เช่นเดียวกับมือจับประตูในรุ่นท็อปเป็นโครเมี่ยมรมดำ รุ่นกลางโครเมี่ยม และรุ่นเริ่มต้นเป็นแบบสีเดียวกับตัวรถ สำหรับล้อแม็กในรุ่น RS ดีไซน์ใหม่แบบ 5 ก้านทูโทนขนาด 17 นิ้ว ส่วนรุ่น E และ EL มีขนาดเท่ากันแต่ต่างกันที่ลวดลายสีดำขอบเงิน ส่วนด้านหลังไฟท้ายเป็นแบบ Tube LED (เฉพาะรุ่น RS และ EL) ขณะที่สปอยเลอร์หลังก็มีทุกรุ่นย่อย แต่ในรุ่นท็อปนั้นมีสัญลักษณ์ RS บนฝากระโปรงท้าย
ขนาดมิติตัวถัง : ยาว 4,346 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,605 มม. ระยะฐานล้อ 2,610 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า/คู่หลัง 1,535/1,540 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 170 มม.
ภายในห้องโดยสาร เพิ่มความสปอร์ตด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ซึ่งไม่เฉพาะแค่การดีไซน์เท่านั้น แต่ตัวฐานเบาะยังได้ออกแบบให้โค้งกระชับกับใต้ท้องขามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงวัสดุซับเสียงในห้องโดยสารใหม่ เพื่อลดเสียงที่เล็ดรอดเข้ามาจากภายนอก
ด้านหลังพวงมาลัยมีสวิตช์แฮนด์ฟรีรับ-วางสายโทรศัพท์ และสวิตช์ควบคุมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่
พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ต 3 ก้านพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่น ฝั่งซ้ายควบคุมชุดเครื่องเสียง ฝั่งขวาควบคุมระบบ Cruise Control
Auto Brake Hold ช่วยให้ไม่ต้องเหยียบเบรคค้างไว้ในขณะจอดติดไฟแดง จะคลายเบรคอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่งออกตัว เบรคมือระบบไฟฟ้าเพียงแค่กดปุ่ม P
ไม่ต้องเปิดไฟเลี้ยวก็สามารถเปิดดูระบบ Honda LaneWatch ได้ที่สวิต์บนก้านไฟเลี้ยว
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เพิ่มเติมเข้ามาคือเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ยกระดับไปอีกขั้น เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง โดยในรุ่น RS และ EL คือ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock ส่วนในรุ่น RS มีเพิ่มเข้ามาอีก 1 ระบบ คือ เตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ City Brake Active System ซึ่งทำงานที่ช่วงความเร็ว 5-30 กม./ชม.
เบาะคู่หน้านั่งสบาย โอบรับกับสรีระกำลังดี โดยฝั่งคนขับปรับตำแหน่งได้ 8 ทิศทาง
เบาะแถวหลังปรับเอนได้ มีพื้นที่สำหรับวางขาพอสมควร แต่ระยะเฮดเหลือน้อย คนตัวสูงอาจรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
พนักพิงศรีษะเบาะหลังปรับระดับสูง-ต่ำ ได้
ตรงกลางเบาะสามารถกางออกมาเป็นที่วางแขนได้
ISOFIX สำหรับยึดกับคาร์ซีท
หลังเบาะมีช่องสำหรับเก็บเอกสารให้ทั้ง 2 ฝั่ง
หลังคา Sunroof แบบพาโนรามา สามารถเปิด-ปิดได้แบบวันทัช ออปชั่นเท่ๆ สำหรับรถเจนฯ ปัจจุบัน
เสากระจกหน้าออกแบบให้มีขนาดที่ไม่บดบีงทัศนวิสัย พร้อมติดม่านนิรภัยช่วยปกป้องอีกขั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยด้านข้างเบาะคู่หน้า
เ
เข็มขัดนิรภัยปรับระดับความสูง-ต่ำ ให้เหมาะสมกับสรีระได้
ใต้คอนโซลเกียร์มีช่องต่อ USB, HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง
จอตรงกลางจะแสดงภาพพร้อมเส้นกะระยะเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
ตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ภายในกว้างขวางสะดวกสบายในสไตล์รถอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาพร้อมเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่สามารถปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode รองรับการขนย้ายสัมภาระที่หลากหลายในทุกรูปแบบ
เครื่องยนต์ ขับสนุกเร้าใจเฉกเช่นเดิม ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้อัตราการประหยัดน้ำมันและตอบสนองทุกการขับขี่อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS)
ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมในทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (CTBA-City Brake Active System) ซึ่งระบบจะทำงานในช่วงความเร็วระหว่าง 5-30 กม./ชม. โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางด้านหน้า หากผู้ขับขี่ยังไม่ทำการเหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกรถให้อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS และ EL) และครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยในทุกรุ่นย่อย อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และกล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera)
ช่วงทดสอบ : เน้นขับเหมือนใช้งานจริง เพื่อสัมผัสสมรรถนะทั้งในเมืองที่มีสภาพจราจรคับคั่งและทางโล่งๆ เมื่อใช้ถนนข้ามจังหวัด พร้อมกับเปิดระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ เดินทาง 2 คน ใช้เวลา 1 วันเต็มกับเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อยุธยา รวมระยะทาง เกือบ 280 กม.
โดยออกสตาร์ทจากเขตเมืองย่านงามวงศ์วาน ซึ่งในช่วงเช้าปริมาณรถค่อนข้างมากทำให้การขยับตัวทำได้ช้า แต่ทว่าในความคล่องตัวซึ่งมาจากขนาดของมิติรถบวกกับพวงมาลัยที่เบามือคอนโทรลง่าย ก็สามารถทำให้ HR-V สามารถเคลื่อนตัวออกมาจากย่านรถติดได้อย่างสะดวก
แม้ในเมืองจะเต็มไปด้วยรถยนต์-จักรยานยนต์ แต่ก็นับว่าให้ความปลอดภัยอย่างยิ่งด้วยระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch ที่เพิ่มเข้ามา ก็มีส่วนช่วยให้การขับในเขตเมืองทำได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเบี่ยงเปลี่ยนหรือเลี้ยวซ้าย เมื่อเปิดไฟเลี้ยวฝั่งซ้ายกล้องก็ทำงานทันทีหรือกดที่สวิตช์บริเวณปลายไฟเลี้ยวระบบก็ทำงานได้เช่นกัน จากนั้นระบบก็ส่งภาพมาแสดงบนจอในรถ ทำให้เห็นผู้ขับเห็นทัศนะวิสัยด้านข้างฝั่งซ้ายได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือผู้คนที่เดินไปมาริมถนน
สิ่งที่สัมผัสได้ตลอดการช่วงขับขี่คือพละกำลังและอัตราเร่งจากเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า ซึ่งทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผัน CVT สามารถถ่ายทอดออกมาให้ใช้งานได้ดีพอสมควร ทั้งช่วงไต่ระดับความความเร็วจากจุดหยุดนิ่ง แต่ช่วงความรอยตัวแล้วต้องการเร่งแซง รู้สึกว่ารถพุ่งทะยานช้าไปสักนิด
รอบการทำงานของเครื่องยนต์ 90 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 1,400 รอบ/นาที, 100 กม./ชม. 1,500 รอบ/นาที, 110 กม./ชม 1,750 รอบ/นาที, 120 กม./ชม. 1,900 รอบ/นาที, 130 กม./ชม 2,000 รอบ/นาที และ 140 กม./ชม. 2,250 รอบ/นาที ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จากระยะทางการขับขี่รวม 280 กม. บนสภาพการจราจรที่หลากหลาย อัตรสิ้นเปลืองบนจอในรถคำนวณออกมาอยู่ที่ 11.7 กม./ลิตร
อีกหนึ่งจุดเด่นมีอยู่ใน Honda HR-V รุ่นปรับโฉม คือห้องโดยสารที่สัมผัสได้ว่าเงียบขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากเปลี่ยนวัสดุในการซับเสียงใหม่หลายๆ จุด จึงทำให้สามารถเสียงที่รอดผ่านใต้ท้องรถและแรงสั่นสะเทือนจากปั๊มลดน้อยลง ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารได้รับความสบายกว่าเดิมในช่วงที่เดินทาง
สรุป แม้ HONDA HR-V รุ่นปรับโฉม ได้รับการปรับรายละเอียดภายนอกใหม่เพียงไม่กี่จุด แต่ทว่าก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ตัวรถตลอดคัน มีความสดใหม่น่าสนใจขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งสำคัญคือระบบความปลอดภัยที่เสริมเข้ามา ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้นอีกขั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ปรับขึ้นหลักหมื่น จึงนับว่าเป็น Compact SUV ที่น่าสนใจด้วยราคาที่คุ้มค่าน่าเป็นเจ้าของในช่วงนี้
สิ่งที่อยากให้แก้ไข : เกียร์ตอบสนองช้าไปสักนิดในขณะเร่งแซง จนรู้สึกว่ามีความหน่วง
สิ่งที่อยากให้มี : ช่องลมเครื่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ไม่มีระบบ Navigator
ขอขอบคุณ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Vios ราคาเริ่มต้น 609,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
โตโยต้า อัลติส| โตโยต้า รีโว | Honda City | Honda Civic | มาสด้า 2 | Mazda CX-5 | นิสสัน อัลเมร่า | นิสสัน คิกส์ | นิสสัน เทียน่า | Suzuki Swift | มิราจ | แอททราจ | ISUZU D-MAX | ISUZU MU-X
HONDA HR-V LIFE CROSSOVER
#HRV สปอร์ตพรีเมี่ยม ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง
โปรดีๆในเดือนตุลาคม
✅ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%*
✅ ฟรี! ประกันภัยชั้น 1
✅ ดาวน์ 0% หรือผ่อนสบายเริ่มต้น 10,000บาท*
✅ หรือจะเลือกรับฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 2,500บาท 12เดือน (รวมมูลค่า 30,000บาท)*
✅ ถ้าคุณเป็นลูกค้าเก่า Honda ดอกเบี้ยลดเพิ่ม 0.15%*
✅ ฟรี! แพ็กเกจเช็คระยะสูงสุด50,000กม.หรือ3ปี(อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
✅ ฟรี! Honda Ultimate Care (รับประกันคุณภาพรถรวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000กม.)
✅ ส่วนลดของแถมสุดพิเศษ (ใช้เงินออกรถน้อย)
สนใจรถยนต์ Honda ติดต่อ บอล 085-082-2662
Line ID : ballz12345
Link Line : https://line.me/ti/p/Y31o13g_x6
ที่ปรึกษาการขายฮอนด้าพระราม 3 สำนักงานใหญ่สาธุประดิษฐ์
#แคมเปญดีที่สุด
#ฮอนด้าพระราม3สาขาสาธุประดิษฐ์
#โปรโมชั่นดีรับรถเร็วครับ
#บอล0850822662
#รับซื้อรับเทิร์นรถเก่าทุกรุ่นให้ราคาสูง