TEST DRIVE : รีวิว MG ZS X ฟังก์ชั่นทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างคุ้มค่า ราคาเข้าถึงง่าย

โพสโดย : rapee / วันที่ : 29 พฤษภาคม 2018

TEST DRIVE : รีวิว MG ZS X ฟังก์ชั่นทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างคุ้มค่า ราคาเข้าถึงง่าย

IMG_0084
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคปัจจุบันรถสไตล์เอสยูวีได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองไทย ด้วยคุณสมบัติของรถที่สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ บวกกับคนไทยมีไลฟ์สไตล์การใช้งานรถที่หลากหลายและเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก สามารถใช้ขับไปทำงานได้ทุกวันอย่างสะดวก ขณะเดียวกันก็ยังขับท่องเที่ยวหรือเดินทางไกลได้ในวันหยุดพักผ่อน จึงทำให้รถรูปแบบนี้เป็นที่สนใจและมียอดขายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับค่ายรถอย่าง MG ที่ให้ความสำคัญกับรถสไตล์แบบนี้ ถึงแม้ว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดเมืองไทย แต่หากมองย้อนไปยนตรกรรมแบรนด์นี้ก็มีประวัติศาสตร์ในโลกของรถยนต์ค่อนข้างยาวนาน แม้ปัจจุบัน MG มีการเปลี่ยนมือการบริหารมาอยู่ใต้ปีกของกลุ่มทุนใหม่ชาวจีน แต่ก็มีความมุ่งมั่นในการผลักดันให้โลดแล่นสู่ตลาดโลกอีกครั้ง แน่นอนการกลับมาครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดา เพราะมีการนำเสนอรถรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดรถยนต์หลากรุ่นหลายสไตล์ และหนึ่งในนั้นก็มีรถในรูปแบบเอสยูวี ภายใต้ชื่อรุ่น MG ZS ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นผู้ดีโดยผสมผสานเส้นสายและคาแร็คเตอร์ของอาหมวยอาตี๋ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งวันนี้ทาง 9carthai มารีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันนั้นเป็น รุ่น X ตัวท๊อป ราคา 789,000 บาท

[FULL HD] เชิญชม VDO REVIEW MG ZS

IMG_0129
‘NEW MG ZS’ คือยานยนต์เอสยูวีรุ่นล่าสุด ที่บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวในเมืองไทยพร้อมกับชูจุดเด่นว่านี่คือ ‘สมาร์ทเอสยูวี’ ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะอย่าง i-SMART ขณะเดียวกันก็ยังครบเครื่องด้วยสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายจากฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้แบบจัดเต็ม ที่สำคัญผู้สนใจสามารถเข้าถึงความเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยราคาไม่ถึงล้าน โดยถูกจัดวางตำแหน่งให้อยู่ในหมวดหมู่ของ B-SUV ทำตลาด 3 รุ่นย่อย C ราคา 679,000 บาท, รุ่น D 729,000 บาท และรุ่นท็อปสุด X 789,000 บาท
IMG_0132
รูปลักษณ์ภายนอก ดีไซน์ตลอดคันออกแบบด้วยแนวคิด ‘บริท ไดนามิค’ ชุดแผงกระจังหน้ามาในสไตล์ลายรังผึ้งสีดำ ซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก MG E-motion Concept ผสมผสานกับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ในทุกรุ่นย่อย (หลอดฮาโลเจน) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น X) โดยรุ่น D และ X จะมี Daytime Running Light รวมถึงไฟตัดหมอก โดยทีมออกแบบเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก London Eye ล้วนๆ ส่วนไฟท้ายเป็นแบบแอลอีดี ทิวบ์ เติมเต็มความน่าสนใจด้วยลูกเล่นของมือเปิดฝาท้าย ที่ออกแบบให้เป็นชุดเดียวกับโลโก้ MG การเปิดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงใช้มือกดลงไปตรงมุมด้านบนเท่านั้น
IMG_0092
IMG_0107
ในส่วนของล้อแม็กรุ่น X เป็นขนาด 17 นิ้ว ลาย 5 ก้าน Octagon และขนาด 16 นิ้ว ลายก้านวายสำหรับรุ่น C และ D ส่วนขนาดและมิติรถบอกเลยว่า MG เล่นใหญ่ พร้อมก้าวกระโดดไปเทียบวัดกับเจ้าตลาดสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง HONDA BR-V/HR-V และ CX-3 โดยมีความยาว 4,314 มม. กว้าง 1,809 มม. สูง 1,624 มม. ส่วนระยะฐานล้อยาว 2,585 มม. ระยะฐานล้อคู่หน้า 1,526 มม. ระยะฐานล้อคู่หลัง 1,534 มม. ความจุถังน้ำมัน 48 ลิตร
IMG_9864
ภายในห้องโดยสาร เมื่อเทียบกับรายละเอียดและฟังก์ชั่นที่จัดมาให้ นับว่าดึงดูดใจได้ไม่น้อย แผงคอนโซลและแผงประตูเลือกใช้วัสดุผิวสัมผัสนุ่มนวลแบบทูโทนและประดับด้วยวัสดุแถบสีเทา ดึงนำสายตาด้วยช่องแอร์ดีไซน์คล้ายเจ็ทเทอร์ไบน์ ขณะเดียวกันมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผล MID แสดงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบเรียลไทม์-เฉลี่ย ระยะเวลาการขับ ระยะทางที่ขับได้ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่เป็นก้านยื่นออกมาฝั่งซ้าย และพวงมาลัยดีไซน์มุมล่างแบบตัดตรง (Flat Bottom) มาพร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ แต่เสียดายปรับตำแหน่งได้แค่ 2 ทิศทางคือสูง-ต่ำ แต่ยุบ-ยืดไม่ได้ ให้ความสะดวกสบายด้วยปุ่ม Push Start ส่วนตรงกลางคอนโซลเป็นจอแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto สามารถเล่นไฟล์เสียง MP3 จาก USB มาพร้อมลำโพง 6 ตัว ทำหน้าที่เป็นระบบนำทางและแสดงภาพจากกล้องมองหลังเวลาเข้าเกียร์ถอยหลัง ถัดลงมาเป็นสวิตช์ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา (ไม่ใช่ดิจิทัลแต่มีการแสดงสถานะการทำงานผ่านจอตรงกลาง) ด้านล่างสุดเป็นพ็อต USB 2 จุดและช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์
IMG_9875
ช่องแอร์ดีไซน์คล้ายเจ็ทเทอร์ไบน์
IMG_9873
มาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผล MID
IMG_9872
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เท่ด้วยดีไซน์มุมล่างตัดตรง (Flat Bottom)
IMG_9999
มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะบนจอและเสียงเตือนระยะห่าง
IMG_9973

กุญแจของ MG ZS ทุกรุ่นย่อยเป็นกุญแจรีโมทมาพร้อมสวิตช์สำหรับเปิดฝาท้าย แต่ไม่ใช่ระบบ Smart Entry
IMG_9984
เข้าถึงเทคโนโลยี i-Smart ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยสามารถเช็ครายละเอียดต่างๆ ของรถได้อย่างละอียด
IMG_9990

ขณะที่จุดขายหลักก็คือเทคโนโลยี i-Smart ซึ่งสามารถเข้าถึงการใช้งานได้ 3 ช่องทาง คือผ่าน จอบนรถ คำสั่งเสียง และสมาร์ทโฟน โดยส่วนตัวของผู้ทดสอบชอบการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากที่สุด โดยสามารถเช็ครายละเอียดต่างๆ ของรถหรือควบคุมการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้จากข้างนอก เช่น ปลด-ล็อคประตู สั่งเปิด-ปิดแอร์ แจ้งเตือนความผิดปกติของรถ เช่น สถานะของเครื่องยนต์ ปริมาณน้ำมัน แรงดันลมยาง ระบบเบรก เป็นต้น โดยในส่วนของการสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดแอร์ หากผู้ขับเปิดใช้งานผ่านจอสมาร์ทโฟน จะควบคุมให้ทำงานต่อเนื่องได้ 5 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที (ระบบจะถามยืนยันคำสั่งผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนทุกๆ 10 นาที ว่าจะเปิดหรือปิดหรือไม่) ถ้าผู้ขับยังไม่เข้าไปในรถก็จะสั่งปิดการทำงานอัตโนมัติทันที
IMG_9882

ส่วนช่องทางการเข้าถึงเทคโนโลยี i-Smart ใช้งานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว บริเวณกลางคอนโซลเพื่อควบคุมระบบการทำงานและฟังก์ชั่นต่างๆ ในเมนู T-Box บนจอด้วยการสไลด์  (ยังกดจิ้มไม่ได้) เช่น ระบบนำทางทั้งแบบออฟไลน์-ออนไลน์ การโทรออก-รับสายจากจอทัชสกรีนในกรณีฉุกเฉิน (โทรได้ 50 นาที/เดือน) รวมทั้งสามารถขอ POI หรือพิกัดที่ตั้งสถานที่ต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน โรงแรม ร้านอาหาร ผ่านคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งระบบจะส่งพิกัดเป็นข้อความกลับมาที่จอบนรถ จากนั้นก็เลือกใช้การนำทางได้ทันที

00171

สำหรับการเข้าถึงระบบ i-Smart ด้วยการใช้คำสั่งเสียง (เป็นภาษาไทย) ก็นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของรถรุ่นนี้ โดยมีไมค์รับเสียงบริเวณแผงสวิตช์ไฟตรงเพดาน และ MG การันตีเลยว่านี่คือครั้งแรกในโลก โดยสามารถควบคุมการเปิด-ปิดซันรูฟ เพิ่ม-ลดความแรงของพัดลมแอร์ เลือกสั่งเปลี่ยนเพลง รวมทั้งการเปิดกระจกฝั่งคนขับ และจากการทดลองใช้ขณะขับขี่ การสั่งด้วยเสียงทุกครั้งต้องเริ่มด้วยประโยค ‘ฮัลโหลเอ็มจี’ เสมอ จากนั้นหน้าจอกลางคอนโซลก็จะขึ้นถามเป็นข้อความกลับมาว่า ‘ฉันกำลังรอฟัง’ และหากระบบไม่แน่ใจประโยค ก็จะถามกลับเพื่อยืนยันคำสั่งอีกครั้งว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ โดยครั้งแรกของการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ อาจรู้สึกว่าเอ๋อๆ บ้างและใช้เวลานานสักนิดกับการประมวลผล เนื่องจากระบบกำลังจดจำเสียงและเรียนรู้โทนคำสั่ง เสมือนสร้างความคุ้นเคย แต่เมื่อใช้บ่อยๆ ก็จะทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดยรวมนับว่าให้ความสะดวกสบายและปลอดภัย เพราะไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยหรือละสายตาจากถนน

MG ZS_6
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ MG ZS คือ การติดตั้งซันรูฟแบบพาโนรามิก (เฉพาะรุ่น X) ซึ่งขนาดคิดเป็น 90% ของหลังคา จึงมีส่วนช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับรถรุ่นนี้ได้ไม่น้อย ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวแม้จะไม่ได้มีประโยชน์โดยตรงกับการขับใช้งาน แต่ทว่าหากมองในมุมของภาพลักษณ์นับว่าช่วยเสริมบารมีให้ตัวรถดูแพง แถมเป็น Display ชั้นดีให้หนุ่มๆ สาวๆ ชาวฮิปสเตอร์ได้ถ่ายรูปอีกด้วย

IMG_9888
สวิตช์เปิดซันรูฟ
IMG_9908
ขณะเดียวมิติของห้องโดยสารนับว่าออกแบบจัดสรรพื้นที่ให้มีความสะดวกสบายต่อผู้ขับและผู้โดยสาร ทั้งส่วนของระยะ Head Room ซึ่งเทียบกับความสูงของผู้ขับที่ไม่ถึง 170 ซม. (ตำแหน่งความสูงเบาะระดับกลางๆ) ระยะความห่างจากศีรษะกับเพดานรถยังเหลืออีกหนึ่งฝ่ามือในแนวนอน ส่วนความห่างระหว่างเข่ากับคอนโซลหน้าก็ยังถือว่าไม่เบียดชิดยังมีช่องว่างเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าภาพรวมอาจไม่หวือหวาอะไรมากนัก เน้นรูปแบบเรียบๆ หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ (ในรุ่น D และ X ตกแต่งด้วยสีสันแบบทูโทนน้ำตาล-ดำ) นัยว่าต้องการสื่อสะท้อนหรือให้สัมผัสหรูสไตล์รถยุโรป ปีกเบาะและพนักพิงค่อนข้างกว้างคนรูปร่างท้วมใหญ่นั่งสบายไม่อึดอัด อีกทั้งตัวฐานเบาะก็ค่อนข้างรับกับการนั่ง ตัวฐานยาวสามารถรับกับท้องขาได้พอดี ส่วนการปรับตำแหน่งเบาะทั้งฝั่งคนขับ-ผู้โดยสาร ไม่ว่าเอน-ยก-เลื่อน ใช้ระบบมือโยกล้วนๆ รวมไปถึงสายเข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำไม่ได้ ซึ่งเมื่อมองถึงราคาถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกนัก

IMG_9916
เมื่อนั่งในตำแหน่งของเบาะแถวหลัง พบว่าระยะห่างเข่ากับพนักพิงเบาะหน้ามีพื้นที่เหลือเยอะ คนรูปร่างสูงใหญ่ขายาวก็นั่งได้สบาย ไม่ต้องกังวลว่านั่งแล้วหัวเข่าจะชนจนรู้สึกอึดอัด แต่ตัวฐานเบาะอาจรู้สึกสั้นไปสักนิด ทำให้ท้องขาล้นลอยออกมา นั่งทางไกลอาจมีความล้าสะสมอยู่บ้าง ตัวพนักพิงตำแหน่งความเอียงกำลังดี มีหมอนรองศรีษะ 2 ฝั่ง ส่วนตรงกลางไม่ที่เท้าแขน/ที่วางแก้วที่แยกออกมาได้ ขณะที่ระยะ Head Room ก็มีเหลือๆ ประมาณ 1 ฝ่ามือแนวนอน เนื่องจากแนวหลังด้านท้ายไม่ได้ลาดเอียงมากนัก โดยพนักพิงเบาะยังสามารถพับแยกส่วนได้แบบ 60:40 เพื่อความสะดวกในการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่

IMG_9932
IMG_9924

ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 448 ลิตร และเพิ่มเป็น 1,375 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลังลง) นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มพื้นที่ความสูงได้อีก 10 ซม. เพียงดึงแผ่นรองที่เป็นฝาปิดยางอะไหล่ออกมาและสอดเข้าไปในช่องที่มีตัวรองรับอีกสเต็ป เรียกว่าช่วยเสริมไลฟ์สไตล์การใช้งานได้ดีพอสมควร

IMG_9991
ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS

ระบบความความปลอดภัย คุ้มค่าเกินค่าตัว มาในรูปแบบ Synchronized Protection System ที่ติดตั้งมาให้ถึง 9 ระบบ ไม่ว่าจะเป็น ABS ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกฉุกเฉิน, EBD ระบบกระจายแรงเบรก, EBA ระบบเสริมแรงเบรก, TCS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล, CBC ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง, SCS ระบบความคุมการทรงตัว, HAS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน , TPMS ตรวจสอบแรงดันลมยาง และ Emergency Stop Signal หรือระบบสัญญาณไฟเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ถึง 6 จุด

ทดสอบขับเสมือนใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน บนเส้นทางและสภาพจราจรอันหลากหลาย

IMG_0061สำหรับการการทดสอบครั้งนี้ทีมงาน  9Carthai ได้นำ MG ZS รุ่น X ซึ่งเป็นรถท็อปมาทดสอบ โดยเน้นการขับเสมือนใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน มีทั้งการขับในเมืองซึ่งมีสภาพการจราจรแออัดเพื่อทดสอบความคล่องตัว รวมไปถึงการขับยาวๆ บนถนนโล่งในเขตชานเมืองเพื่อพิสูจน์สมรรถนะและพละกำลัง

ทันทีเมื่อขับรถออกจาก MG Driving Experience Centre เราก็ดิ่งเข้าไปเขตเมืองโดยต้องฝ่าสภาพจราจรที่ค่อนข้างคับคั่ง สัมผัสแรกที่รู้สึกได้ว่า MG ZS มีจุดเด่นชัดเจนคือ ‘ความคล่องตัวในการขับใช้งาน’ ซึ่งผสานกับพวงมาลัยที่สามารถเลือกระดับปรับโหมดความเบา-หน่วงได้ถึง 3 สเต็ป คือ 1.City ให้ความเบามือสุดๆ ชนิดที่ว่าคุณผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ขับได้สบาย 2.Standard หนืดกำลังดีเบามือกำลังเหมาะ 3.Sport ก็จะให้ฟิลลิ่งหน่วงๆ หนึบๆ บังคับทิศทางได้คมขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เมื่อไหร่ที่ผู้ขับเพิ่มความเร็วขึ้น ระบบก็จะปรับความหนืดของพวงมาลัยให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติซึ่งแปรผันตามความเร็วนั่นเอง

IMG_9967
ต่อเนื่องมาถึงเขตชานเมืองก็สามารถขยับปรับความเร็วเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 90-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งมีโอกาสได้สัมผัสกับสมรรถนะและอัตราเร่งอย่างเต็มที่ จากเครื่องยนต์เบนซินรหัส 15SC4 DOHC VTi-TECH 4 สูบ 1.5 ลิตร พละกำลัง 114 แรงม้าที่  6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที โดยตัวเครื่องยนต์มีการปรับปรุงจังหวะการจุดระเบิดใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนชิ้นส่วนบางตัวให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิมและปรับค่า Friction หรือแรงเสียดทานให้น้อยลง อีกทั้งยังรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง E85 ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode

จากการไล่ระดับความเร็วจุดหยุดนิ่งต่อเนื่องไปถึงช่วง 60-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็สัมผัสได้ชัดว่าอัตราเร่งและการตอบสนองค่อนข้างช้าไปสักนิด รู้สึกเลยว่าอืดและหน่วงพอสมควร แม้ใช้การปรับโหมดเกียร์เป็น Manual Mode ช่วย (ที่ดูแล้วเสมือนการเชนเกียร์เท่านั้น) ก็ยังถ่ายทอดออกมาได้แต่ก็ถือไม่ทันอกทันใจเท่าไหร่นัก แต่หากมองถึงขนาดเครื่องยนต์ก็พอที่จะเข้าใจได้ว่านี่คือเครื่อง 1.5 ลิตร ที่ไม่มีระบบอัดอากาศเข้ามาช่วยปลุกเร้าสมรรถนะ ทำให้การเร่งแซงอาจต้องกะระยะหรือจับจังหวะให้พอดี ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลพวงของเกียร์ที่ให้มาเพียง 4 จังหวะเท่านั้น

ขณะเดียวกันความเร้าใจกับเพิ่มขึ้น เมื่อขยับไต่ความเร็วไปถึงระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าทำให้อารมณ์เปลี่ยนเลยทีเดียว การเร่งความเร็วและการตอบสนองมาแบบลื่นไหล กดคันเร่งเติมเมื่อไหร่รถก็พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าแบบต่อเนื่องทันที โดยช่วงความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่องยนต์ 2,250 รอบ/นาที, 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2,500 รอบ/นาที, 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2,275 รอบ/นาที, 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3,000 รอบ/นาที, 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3,250 รอบ/นาที และ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่อง 3,500 รอบ/นาที

IMG_0064
ในส่วนของระบบช่วงล่าง ด้านหน้ามาในรูปแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม ซึ่งจากการหวดยาวๆ ด้วยความเร็วช่วง 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อมาเจอกับเส้นทางบางช่วงซึ่งไม่เรียบ มีสภาพชำรุดของผิวถนน เมื่อลองขับรูดผ่านก็สัมผัสได้ว่าการซับแรงสะท้อนของระบบช่วงล่างทำงานได้ค่อนข้างดี แม้ไม่นุ่มมากแต่ก็ไม่แข็งจนรู้สึกกระด้างหรือโคลงเคลงจนเวียนหัว ส่วนในทางโค้งยาวๆ หรือต่อเนื่องแม้ไม่ถึงกับคมนิ่งแต่อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ รวมถึงมีอาการโยนตัว ให้รู้สึกเหวอๆ อยู่บ้างแต่ก็ไม่นับว่ามีผลมากนักต่อการขับใช้งาน ในขณะที่ระบบเบรกผู้ขับอาจจะต้องทำความคุ้นชิน โดยเฉพาะกับแป้นเบรกที่ต้องกดลึกสักนิด หากเบรกแบบกะชั้นชิดก็จะรู้สึกเหมือนว่าเบรกจับและทำงานช้า ทางที่ดีผู้ขับควรกะหรือเผื่อระยะเบรกไว้ล่วงหน้าก็จะช่วยให้การหยุดรถหรือชะลอความเร็วสามารถทำได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เชื่อว่าหลายคนล้วนต้องการทราบคำตอบ ซึ่งผลจากการทดสอบขับในเมืองผ่านเส้นทางที่มีจราจรแออัดต่อเนื่องไปถึงการใช้ความเร็วในช่วงถนนชานเมือง เมื่อเทียบกับขุมพลัง 1.5 ลิตร ที่มีพื้นฐานของเครื่องยนต์เหมือนกับ MG3 และ MG5 แต่ก็ได้มีการปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ ส่วนภายในเครื่องยนต์นั้นก็มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนบางชิ้นให้มีน้ำหนักเบาลงและมีแรงเสียดทานจากการทำงานของเครื่องยนต์ต่ำลง อีกทั้งยังต้องแบกน้ำหนักตัวถังเกือบ 1.3 ตัน ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่จอในรถคำนวณออกมาอยู่ที่ 12 กิโลเมตร/ลิตร รวมๆ นับว่าไม่ขี้เหร่ทีเดียวครับ

IMG_0032

MG ZS  ทำตลาด 3 รุ่น C ราคา  679,000 บาท, D 729,000 บาท และ X 789,000 บาท มีให้เลือก 5 สี แดงสกาเลตต์ (Scarlet Red), ฟ้ามารีน่า (Marina Blue), เงินเมทัลลิก (Silver Metallic), ขาวอาร์คติค (Arctic White) และดำแบล็คไนท์ (Black Knight) โดยลูกค้าที่ซื้อ MG ZS จะได้รับแพ็คเกจใช้งานระบบอัจฉริยะ i-SMART ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี และได้รับความอุ่นใจกับการบริการแพสชั่น เซอร์วิส (Passion Service) ด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services)

IMG_0150
สรุป ภาพรวมการทดสอบขับ ด้วยระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร บนสภาพจราจรที่หลากหลายทั้งในเขตเมืองที่จราจรคับคั่งหรือการขับยาวๆ บนถนนชานเมือง MG ZS (X) นับว่าให้ความคุ้มค่าอย่างมากในช่วงเวลานี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาที่ไม่ถึง 8 แสนบาท กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่มีอย่างพอเพียง อีกทั้งยังมีลูกเล่นของเทคโนโลยี i-Smart ให้ใช้งานอย่างสนุก ขนาดความกว้างของห้องโดยสารก็รองรับการใช้งานได้อเนกประสงค์ วัสดุที่เลือกใช้รวมๆ นับว่าไม่ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร ระบบความปลอดภัยก็ติดตั้งมาให้แบบจัดเต็ม ขณะที่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แม้ค่อนข้างอืดๆ ในช่วงต้น แต่ก็ทดแทนด้วยการตอบสนองอย่างสนุกเร้าใจในช่วง 90 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งหากผู้สนใจยอมรับและเข้าใจได้กับคาแร็คเตอร์ภายใต้ประสิทธิภาพระดับนี้ MG ZS พร้อมตอบโจทย์คุณได้ค่อนข้างคุ้มค่าทีเดียวครับ

สิ่งที่ควรปรับปรุง :

– แป้นเบรกค่อนข้างลึกทำให้ต้องกะระยะในการเบรกเผื่อเพื่อความปลอดภัย
– การใช้คำสั่งเสียงเผื่อเข้าถึงเทคโนโลยี i-Smart ยังไม่เสถียรเท่าที่ควร
– พวงมาลัยปรับได้แค่ 2 ทิศทาง สูง-ต่ำ แต่ยุบ-ยืดไม่ได้
– สายเข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำไม่ได้

สิ่งที่อยากให้มี
– ที่พักแขน
– แอร์ด้านหลัง

ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เอื้อเฟื้อรถในการรีวิว

ผู้เขียน : ระพี มาประสพ

IMG_0084IMG_0077IMG_0129IMG_0132IMG_0161IMG_0092IMG_0122IMG_0113IMG_0107IMG_0109IMG_0104IMG_001900142IMG_0103IMG_9864IMG_9907IMG_9875IMG_9872IMG_9893IMG_9873IMG_9885IMG_9900IMG_9984IMG_9990IMG_988100171IMG_9991IMG_9999IMG_9973MG-ZS_6IMG_9888IMG_9908IMG_9912IMG_9958IMG_9916IMG_9943IMG_9924IMG_9931IMG_9932IMG_9926IMG_9967IMG_9964IMG_0064IMG_0150


สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " TEST DRIVE : รีวิว MG ZS X ฟังก์ชั่นทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างคุ้มค่า ราคาเข้าถึงง่าย "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

1 ความคิดเห็น

  1. บี 084-0050440 ไอดีไลน์ : beblaire

    รับจองรถยนต์ MG ทุกสีทุกรุ่นค่ะ
    สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นดีๆ ก่อนได้ค่ะ
    ยินดีให้คำปรึกษาเรื่องไฟแนนซ์
    บี : 084-0050440
    Line ID : beblaire
    หรือ http://line.me/ti/p/N2I4DFMQGA

    ตอบ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด