NISSAN LEAF จุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และทำไมเราถึงควรใช้รถไฟฟ้า!

NISSAN LEAF จุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และทำไมเราถึงควรใช้รถไฟฟ้า!

เราอาจนับได้ว่าปี 2562 นั้นเป็นปีเริ่มต้นกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยได้อย่างแท้จริงนะครับ หลังจากตั้งเค้าความนิยมกันมานานหลายปี เมื่อค่ายรถน้อยใหญ่เริ่มส่งรถยนต์ไฟฟ้าลงตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าที่กล้าเคลมว่าเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลก เพราะเมื่อนับจนถึงมีนาคม 2562 แล้ว Nissan LEAF ทำยอดขายไปมากกว่า 400,000 คัน ทั่วโลก และตอนนี้ก็เริ่มจ่าหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว

ทำไมควรใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์ใช้น้ำมันแบบเดิม

รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีข้อดีมากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันแบบเดิม (หรือที่เรียกเป็นทางการหน่อยคือ รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน) อยู่ดังนี้ครับ

คลิกเพื่อดูวีดีโอ

– ในรถขนาดเดียวกัน รถยนต์ไฟฟ้ามีกำลังเครื่องและแรงบิดมากกว่าเครื่องยนต์น้ำมัน ทำให้อัตราเร่งดีกว่า รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง Nissan LEAF ที่จำหน่ายในไทย มีกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ซึ่งแรงน้องๆ รถสปอร์ตเลย
– เมื่อแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้ามีมาก ให้แรงบิดทันที ไม่ต้องรอรอบ รถยนต์ไฟฟ้าจึงไม่ต้องมีระบบเกียร์ทดกำลังที่ซับซ้อนเหมือนรถยนต์ทั่วไป ชิ้นส่วนในรถจึงลดลง ลดการบำรุงรักษาไปได้มาก ทั้งยังให้อัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว
– รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จไฟจากที่บ้านได้เลย (และจะดียิ่งขึ้นถ้าติดตั้งระบบชาร์จไฟเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะไว้ในบ้าน) ทุกครั้งที่ใช้งานรถจึงมีพลังงานเต็มเปี่ยมสำหรับการใช้แต่ละวันเสมอ ซึ่ง Nissan Leaf ก็มีตัวเลขทดสอบว่าการชาร์จเต็ม 1 ครั้งจะวิ่งได้ไกลถึง 311 กิโลเมตร
– ค่าไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์นั้นมีราคาถูกกว่าค่าน้ำมันมาก อย่าง Nissan LEAF ชาร์จ 0-100% จะเสียค่าไฟประมาณ 200 บาท หรือคิดเป็น 50 สตางค์ต่อ 1 กิโลเมตรเท่านั้น
– ที่สำคัญคือเรื่องของสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีท่อไอเสีย ไม่มีการปล่อยมลพิษหรือ CO2 ระหว่างการขับขี่เลย ซึ่งเมื่อคนส่วนใหญ่ในเมืองหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็จะทำให้คุณภาพอากาศในเมืองดีขึ้น
– ส่วนใครที่ชอบทักว่า สุดท้ายโรงไฟฟ้าก็ปล่อยมลพิษอยู่ดี เรื่องนี้เป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่มลพิษที่โรงไฟฟ้าปล่อยออกมานั้นน้อยกว่ารถยนต์จำนวนมากๆ รวมกัน เพราะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จะมีระบบจัดการมลพิษที่มีประสิทธิภาพกว่าระบบในรถคันเล็กๆ ครับ

ความยากของการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะหมดไปในเร็ววันนี้

เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อุปสรรคต่างๆ ที่เคยมีมาก็ได้รับการแก้ไขให้น้อยลงไปทุกทีครับ โดยเฉพาะเรื่องจุดชาร์จไฟ เรื่องที่หลายคนกำลังกังวล ต้องบอกว่าตอนนี้ในกรุงเทพไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก เพราะมีชุดชาร์จไฟความเร็วระดับ Double Charge กระจายอยู่ทั่วเมือง หาที่ชาร์จไม่ยากแน่นอน ส่วนในต่างจังหวัดก็ยังต้องอาศัยเวลาเพื่อกระจายจุดให้บริการอีกสักหน่อย ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอป Nissan Innovation เพื่อค้นหาสถานีชาร์จทั่วประเทศได้

ส่วนข้อจำกัดด้านราคารถและภาษีต่างๆ ที่รัฐจัดเก็บ ก็กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น รัฐบาลเตรียมหั่นภาษีสรรพสามิตของรถไฟฟ้าเหลือ 0% สำหรับรถที่ผลิตในปี 2563 – 2565 พร้อมมีมาตรการทางภาษีพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทยอีกด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมในปี 2010 ราคากลางของแบตเตอรี่ Li-Ion แพงถึง $750 (23,000 บาท) ต่อความจุ 1 kWh มาจนถึงปี 2016 ราคาของแบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ $130 หรือประมาณ 4000 บาท ต่อ 1 kWh แล้ว ซึ่งก็น่าจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถทำราคาขายของรถไฟฟ้าให้เหมาะสมต่อไปได้

รายละเอียดสำคัญของ Nissan LEAF

ตอนนี้เรารู้แล้วว่า Nissan LEAF นั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% แล้ว Nissan LEAF ยังมีรายละเอียดอะไรอีกบ้าง เราสรุปมาให้แล้ว

– Nissan LEAF สีที่จำหน่ายในไทยตอนนี้ เป็นสีแบบทูโทน ตัวรถสีขาว หลังคาสีดำ เรียกว่า Brilliant White Pearl Super Black 2 Tone
– Nissan LEAF ไม่มีท่อไอเสียเลย ไม่มีการปล่อยมลพิษออกจากรถ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
– ด้านหน้าเปิดเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยเป็นหัวชาร์จมาตรฐาน CHAdeMO และระบบชาร์จไฟแบบธรรมดา เป็นหัวชาร์จมาตรฐานแบบ Type 1 นอกจากนี้ Nissan จะแถมสายแปลงให้รองรับการชาร์จแบบ Type 2 มาให้ด้วย (สำหรับนำไปใช้ชาร์จไฟแบบธรรมดาผ่านเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่เป้นชาร์จพอร์ต Type 2 แบบที่ถอดเปลี่ยนสายได้)

– การชาร์จจากเครื่องชาร์จไฟ Wallbox ที่ติดตั้งในบ้าน หรือสถานที่ต่างๆ จะเป็นการชาร์จแบบ Double Speed Charge ผ่านตู้ลักษณะนี้จะใช้เวลาชาร์จเต็มที่ประมาณ 6 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จผ่านปลั้กไฟบ้านธรรมดาจะใช้เวลาชาร์จ 12 ชั่วโมง แต่การชาร์จที่เร็วที่สุดจะทำผ่านหัวชาร์จ CHAdeMO ที่ชาร์จ 40 นาทีก็ได้ 80% แล้ว!
– เครื่องเล่นเพลงในรถนั้นสามารถควบคุมได้จากพวงมาลัย รองรับการเล่นเพลงผ่าน Bluetooth หรือจะต่อสาย USB เข้าไปฟังก็ได้
– e-Pedal ระบบคันเร่งแบบใหม่ ที่จะเร่งเครื่องก็เหยียบเร่ง ส่วนเวลาเบรกก็แค่ปล่อยคันเร่ง รถก็จะชะลอและทำให้รถหยุดนิ่งได้เลย หลังจากปล่อยคันเร่งได้ไม่นาน แต่ถ้าไม่ชัวร์ หรือต้องเบรกกระชั้นก็สามารถเหยียบแป้นเบรกได้ครับ ไม่ได้ตัดไปไหน โดยมอเตอร์ที่หมุนในขณะลดความเร็วจะช่วยฟื้นฟูพลังงานกลับไปเก็บไว้ในแบตเตอรี เพิ่มระบบการจ่ายพลังงานคืน เพิ่มระยะทางขับเคลื่อนได้ไกลขึ้น

– Nissan LEAF มีระบบความปลอดภัยของรถที่จัดเต็ม ทั้ง ABS ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก, EBD ระบบกระจายแรงเบรค, BA ระบบเสริมแรงเบรค, ITC ช่วยรักษาเสถียรภาพรถเวลาเข้าโค้ง, VDC รักษาการทรงตัวเวลาหักหลบ พร้อมAirbag 6 จุดทั่วคัน และที่ตัวเด่นคือ FEB ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน โดยจะวิเคราะห์ความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าด้วยเรดาร์ และชะลอความเร็วให้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ลดความเสียหายให้ลดลง
– รถ Nissan LEAF ในการขับขี่ที่เงียบมาก เพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไม่มีเครื่องยนต์ แล้วเสียงของการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเงียบกว่าเครื่องยนต์น้ำมันเยอะ และรถยังมีฉนวนที่ช่วยดูดซับเสียงทุกจุดด้วย

Nissan LEAF รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี และระบบไฟฟ้า 5 ปี อยากรู้ว่า Nissan LEAF ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างไร ลองหาโอกาสทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายนิสสันลีฟ 33 แห่งทั่วประเทศครับ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nissan.co.th