Group Test : รีวิว HYUNDAI Ioniq Electric ไร้มลพิษ ทันสมัย ระบบความปลอดภัยเพียบ

โพสโดย : rapee / วันที่ : 19 ตุลาคม 2018

Group Test : รีวิว HYUNDAI Ioniq Electric ไร้มลพิษ ทันสมัย ระบบความปลอดภัยเพียบ

IONIQ_0041

หลังจาก ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตัดสินใจเพิ่มเซกเมนท์การทำตลาดในไทย ด้วยการอิมพอร์ตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง ฮุนได ไอออนิก อิเลกทริก เข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าและผู้สนใจในงานมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงเดือนมีนาคม

แต่ทว่าข่าวสารความเคลื่อนไหวจากค่ายรถยนต์แดนโสมนี้กลับไม่เป็นกระแสเท่าที่ควรนัก ส่วนหนึ่งด้วยจำนวนโควต้านำเข้ามีจำนวนไม่มากนัก จึงพอเดาได้ว่าแนวทางการลุยตลาดด้วยรถไฟฟ้าครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์หลักที่หวังเพิ่มยอดการจำหน่าย แต่เสมือนว่าต้องการสื่อสารออกไปให้ทราบว่าฮุนไดไม่ได้มีเพียงรถตู้ในตระกูลเอชวันเท่านั้นที่เป็นเรือธง

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับฟีเจอร์ความปลอดภัยล้ำๆ และทดสอบสมรรถนะการขับ ฮุนได ไอออนิก อิเลกทริก บนถนนในเขตชานเมือง

ฮุนได ไอออนิก นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่มีจำหน่ายในทั้ง 3 รูปแบบระบบขับเคลื่อนใน 1 รุ่น ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊กอิน ไฮบริด และอีวี (ไฟฟ้าล้วน) และรุ่นที่ฮุนไดนำเข้ามาทำตลาดในไทยก็เป็นรุ่น EV เท่านั้น จุดประสงค์คือ เป็นรถยนต์ที่มีมลพิษที่ต่ำที่สุด หรือปราศจากมลพิษ

นอกจากจะเป็นรถยนต์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่มีความสวยงาม ทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่, การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย

โดย IONIQ เป็นการผสมคำระหว่าง ‘ion’ อะตอมที่มีประจุไฟฟ้าเป็นบวกหรือลบ ‘uniq’ เอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับไลน์อัพนี้ และ ‘Q’ ตัวอักษรที่ฮุนไดใช้แทนความหมายของเทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับรถยนต์มลพิษต่ำ

IONIQ_0033
รูปลักษณ์ภายนอก ได้รับการออกแบบโดยเน้นที่ 2 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพ ทำให้มีบุคลิกของความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต รูปทรงและเส้นสายตัวรถตั้งแต่หน้าจรดท้ายสะท้อนถึงความเป็นรถแฮ็ต์ช์แบ็กทรงสปอร์ต

โดยมีการออกแบบส่วนต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของรถ ทั้งช่องดักลมที่ล้อคู่หน้า, สปอยเลอร์ด้านหลัง, ดิฟฟิวเซอร์, ชายล่างประตูทั้งสี่บาน แผ่นปิดใต้ท้องรถ รวมถึงล้อแม็ก ให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวกลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำ เพียง 0.24

นอกจากนี้การออกแบบยังคำนึงถึงน้ำหนักรถ ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างอะลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า-ฝากระโปรงท้าย ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 12.6 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป

IONIQ_0026
IONIQ_0024
ด้วยฮุนได ไอออนิก เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นกระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังคงความพลิ้วไหวและสะอาดตาด้วยสีเทาเข้ม

เติมเต็มความทันสมัย และปลอดภัยด้วยไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวัน  (DRL) ผสานกับไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED บริเวณชายกันชนด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนบริเวณชายประตูทั้ง 4 บาน ถูกตกแต่งด้วยสีทองแดง ที่สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

มิติตัวรถ : ยาว 4,470 มม., กว้าง 1,820 มม., สูง 1,450 มม ระยะฐานล้อ : 2,700 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 ม.

IONIQ_0002
ภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคต ด้วยแนวคิด ‘Purified High-Tech’ ที่เน้นถึงความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความปราณีต และใช้งานง่าย เน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบ ลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์

วัสดุภายในเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคาและพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย เพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสารมีความบริสุทธิ์ สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อให้มีประกายของเม็ดสีที่สวยงาม

IONIQ_0003
IONIQ_0017

แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและคุณภาพที่ดี บริเวณช่องแอร์ คอนโซลกลาง พวงมาลัยและเบาะนั่ง ถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดง ซึ่งเป็นสีที่เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ในคอนดักเตอร์ของระบบไฟฟ้า

IONIQ_0014
เมื่อผู้ขับขี่ปลดล็อกรถด้วยระบบ Smart Entry ระบบ Welcome Function ทำงานด้วยการสั่งให้ไฟหน้าและไฟท้ายส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะจอดรถในที่มืดหรือยามค่ำคืน และเมื่อผู้ขับขี่เปิดประตูรถเบาะที่นั่งคนขับจะปรับเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย

เบาะที่นั่งคนขับปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังแบบไฟฟ้า (Lumbar Support) ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังมีระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าอีกด้วย

IONIQ_0008 IONIQ_0005

ระบบเกียร์ถูกออกแบบให้เป็นแบบระบบปุ่มกด หรือ Shift by Wire ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส

อีกทั้งระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold ที่ช่วยหยุดรถชั่วขณะในสภาพการจราจรติดขัด และระบบ Wireless Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรีโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพียงวางโทรศัพท์บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์

IONIQ_0006 IONIQ_0028

ระบบความบันเทิงสามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้ว ที่สามารถเลือกฟังก์ชันเพื่อความบันเทิงได้ตามต้องการ เช่น ระบบวิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องต่อระบบ USB และ AUX  มาตรวัดฝั่งผู้ขับเป็นจอความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT ที่แสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง, ระดับพลังงานของแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆของตัวรถที่จำเป็น ซึ่งผู้ขับขี่ สามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ ตามรูปแบบการขับขี่ โดยผู้ขับขี่ สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ ผ่านปุ่ม ‘drive mode’ บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport

โหมด Eco หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ และแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็ว พร้อมไฟแสดงสถานะโหมด Eco สีเขียว

โหมด Normal หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ จากแถบสีเขียวในโหมด Eco จะถูกเปลี่ยนเป็นแถบสีเทา และไม่มีไฟแสดงสถานะโหมด Normal

ในโหมด Sport หน้าปัดจะถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็ว เป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100% ในรูปแบบอนาล็อกพร้อมแถบสีแดง ตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล ที่จะถูกไล่ลำดับขึ้นไปตามความเร็วของรถยนต์

IONIQ_0027ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์เป็นแบบ Dual Zone ที่เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ควบคู่กับการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ยังมีระบบปรับอากาศที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกให้ลม ออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะผู้ขับขี่อย่างเดียวได้ เพียงกดปุ่ม ‘Driver only’ ที่บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ เท่านี้ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศและช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

IONIQ_0011

ระบบขับเคลื่อน ฮุนได ไอออนิก ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ Single-speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถพารถยนต์ไปที่ความเร็วสูงสุดที่ 165 กม./ชม.

แบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้น เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพการชาร์จไฟที่ดี และมีหน่วยความจำรอบการชาร์จไฟที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบนิกเกิลเมทัลไฮดราย สำหรับในฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก เป็นแบตเตอรี่ขนาด 28 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กม.

2017 Ioniq Electric Vehicle (EV)
ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยประมาณ และการชาร์จไฟแบบ quick charge ที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kW จะใช้เวลา30 นาที และ 23 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kW โดยแบตเตอรี่นี้ถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 650 ลิตร

IONIQ_0029
ฮุนได ไอออนิก มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบ Regenerative braking system ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม paddle shift บริเวณด้านหลังพวงมาลัย มีทั้งหมด 3 ระดับ โดยแต่ละระดับ จะเป็นระดับการนำพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่จากมากไปน้อย เพียงผู้ขับขี่กดปุ่ม paddle shift รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อให้ระบบ regenerative braking system ทำงาน และนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อช่วยให้มีระยะทางการวิ่งที่ยาวขึ้น

ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ผลิตจากอะลูมิเนียม ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ถูกปรับแต่งเพื่อให้มีการขับขี่ที่นุ่มนวล มั่นใจ และสะดวกสบาย

2017 Ioniq Electric Vehicle (EV)

ระบบความปลอดภัยเพียบ ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารปลอดภัยในทุกการเดินทางมากขึ้น ด้วยระบบ Blind Spot Detection ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับรถในจุดอับสายตาขณะขับขี่ โดยทำงานควบคู่กันกับระบบ Lane Change Assist ที่จะช่วยตรวจจับรถในเลนด้านข้างในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลน และยังทำงานร่วมกับระบบ Rear Cross Traffic Alert ในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะถอยรถออกจากที่จอดรถ ระบบจะตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือคนเดินเท้า หากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยขณะถอยรถ

IONIQ_0018

นอกจากนี้ยังมีระบบ Lane Departure Warning (LDW) โดยระบบ จะใช้กล้องที่อยู่บริเวณด้านบนตรงกลางของกระจกบังลมหน้า ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร หากรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ ให้นำรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิม ระบบ Lane Keeping Assist (LKA) ที่ใช้กล้องตัวเดียวกัน ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร เมื่อรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะสั่งการให้หักพวงมาลัยกลับมาในช่องจราจร และระบบ Smart Cruise Control (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ โดยระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโก้บนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผัน ตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า และผู้ขับขี่ ยังเลือกระดับการรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยขณะขับขี่

ระบบ Forward Collision Warning (FCW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่ ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ ไม่เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ และระบบ Autonomous Emergency Braking System (AEB) ที่จะช่วยเบรกรถอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในขณะที่รถกำลังเข้าใกล้รถคันข้างหน้า หรือในกรณีที่คนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้าและเรดาร์บริเวณกระจังหน้า จะทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุและคนเดินถนน และจะสั่งการให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ทดสอบบนถนนย่านชานเมือง
IONIQ_0049

สำหรับการทดสอบครั้งนี้แบ่งการทดสอบเป็นกลุ่มย่อย โดยรถหนึ่งคันจะให้สื่อมวลชน 2 คนสลับกันขับ ใช้เส้นทางเริ่มต้นจากเมืองทองธานี จากนั้นขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าไปทางบางปะอินและลงที่ด่านบางพูน (รังสิต-ปทุมธานี) จากนั้นกลับรถใช้เส้นทางเดิมยังจุดเริ่มต้นรวมระยะทางเกือบ 20 กม.

ทันทีเมื่อเริ่มต้นการทดสอบขับ การเคลื่อนตัวรถก็ทำได้ค่อนข้างง่าย เพียงกดปุ่มที่คอนโซลกลางเพื่อเลือกตำแหน่ง (สวิตช์ N, D, R และ P) เมื่อกดคันเร่งลงไป ฮุนได ไอออนิก สามารถออกตัวได้อย่างนุ่ม และด้วยความเงียบเนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้ต้องมีการติดเสียงสังเคราะห์ (เป็นข้อบังคับในยุโรประบุให้มีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า) เนื่องจากป้องกันอันตรายที่ในกรณีที่คนเดินถนนไม่ได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องยนต์

IONIQ_0042
ต่อเนื่องใช้การขับขึ้นทางด่วน ทีมงานอินสตรัคเตอร์ได้แจ้งให้ผู้ขับได้เพิ่มความเร็วขึ้น และลองปรับโหมดการขับจาก Normal เป็น Sport (ตำแหน่งสวิตช์อยู่บริเวณคอนโซลเกียร์) หลังจากเปลี่ยนโหมดหน้าปัดได้ถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็วเป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100% ในรูปแบบอนาล็อก และเมื่อกดคันเร่งลึกลงไป ก็สัมผัสได้แบบชัดเจนว่ารถมีแรงดึงจนหลังแนบติดกับเบาะ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เร้าใจกว่าที่คาดคิดว่ารถไฟฟ้าจะตอบสนองได้กระฉับกระเฉงขนาดนี้ อีกทั้งใช้เวลาไม่นานความเร็วก็ไหลไปแต่ 140-150 กม./ชม.

อีกหนึ่งจุดที่นับว่าเป็นจุดเด่น ก็คือการเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปกติในรถไฮบริดหรือรถไฟฟ้าก็จะอาศัยจังหวะจากการเบรก เพื่อให้ไฟฟ้าป้อนไปกลับที่แบตเตอรี่ โดยใช้ระบบที่เรียกว่า เบรกรีเจนเนอร์เรทีฟ (Regenerative braking) แทนที่จะใช้เบรกปกติหยุดรถ ซึ่งในส่วนฮุนได ไอออนิก นั้นออกแบบให้มีถึง 3 ระดับ โดยมีแป้นกดอยู่หลังพวงมาลัยหน้าตาคล้ายแพดเดิ้ลชิฟท์ ลักษณะการทำงานก็ให้ความรู้สึกถึงแรงดึงและการชาร์จเก็บไฟที่ต่างกัน (ปรับเปลี่ยนอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่) โดยจะเรียงลำดับไล่ระดับจากหนึ่งไปถึงสาม ซึ่งมีแรงดึง-การชาร์จไฟมากที่สุด

โดยในจังหวะที่ใช้ความเร็ว นอกจากให้ความรู้สึกที่สบายเนื่องจากไร้เสียงรบกวนของเครื่องยนต์แล้ว เสียงจากภายนอกโดยเฉพาะเสียงลมที่มาปะทะกับตัวรถก็เล็ดรอดเข้าสู่ห้องโดยสารน้อยมาก ซึ่งต้องชื่นชมในการเลือกใช้วัสดุซับเสียงได้ค่อนข้างดี แต่ในจุดที่แอบคิดว่าจะดีกว่านี้คือ จอตรงเครื่องเสียงบริเวณกลางคอนโซลค่อนข้างมีขนาดเล็กไปสักนิด อีกทั้งเป็นจอแบบทัชสกรีนทำให้ไอคอนต่างๆ มีขนาดเล็กลงไปด้วย ซึ่งอาจยากต่อการกดใช้งาน

นอกจากนี้อินสตรัคเตอร์ได้ลองให้ทดสอบระบบ Smart Cruise Control (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ โดยให้สตาร์ฟซึ่งขับรถนำอยู่ด้านหน้าบล็อคความเร็ว จากนั้นให้ผู้ขับกดสวิตช์ที่ก้านพวงมาลัยฝั่งขวา เพื่อเปิดการทำงานของระบบ รถก็จะเคลื่อนที่อัตโนมัติ (ไม่ต้องกดคันเร่ง) ซึ่งทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโก้บนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผัน ตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า ที่สำคัญผู้ขับขี่ยังเลือกระดับการรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย ซึ่งการยกเลิกการใช้งานก็ทำได้ง่ายดายเพียงเหยียบเบรก ที่สำคัญในจังหวะที่รถคันหน้าจอดสนิทและเราขับตามหลังมาโดยที่ระบบยังเปิดใช้งาน ระบบจะหยุดให้เราอัตโนมัติเช่นกันพร้อมเร่งต่อเมื่อคันหน้าเคลื่อนตัว

IONIQ_0044

สรุป HYUNDAI Ioniq Electric นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจโดยเฉพาะการใช้งานในเมือง แถมยังช่วยลดการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ

อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากแทบไม่ต้องเปลี่ยนของเหลวที่สารหล่อลื่น รวมถึงรับประกันตัวรถ Warranty 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร / รับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูง High Voltage Battery นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง / บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง เมื่อกับราคาค่า 1,749,000 บาท กับการใช้งานในระยะยาวนับว่าคุ้มค่า

แต่ทว่าติดอยู่อย่างเดียวในช่วงเวลานี้คือ จุดชาร์จไฟสาธารณะที่มีจำนวนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งนั่นก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าภาครัฐหรือหน่วยงานเอกชนจะจริงจังในการขยายจุดชาร์จไฟให้ครอบคลุมถนนหนทางตามภูมิภาคต่างๆ ได้เรียบร้อยเมื่อไหร่

ขอขอบคุณ : ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
IONIQ_0041IONIQ_0033IONIQ_0026IONIQ_0021IONIQ_0024IONIQ_0023IONIQ_0025IONIQ_0020 IONIQ_0035IONIQ_0003IONIQ_0002IONIQ_0013IONIQ_0014IONIQ_0008IONIQ_0018IONIQ_0005 IONIQ_0006IONIQ_0007IONIQ_0016IONIQ_0028IONIQ_0029IONIQ_0011IONIQ_0040IONIQ_0039 IONIQ_0044IONIQ_0048IONIQ_0049IONIQ_0052IONIQ_0061IONIQ_0042


สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : รีวิว HYUNDAI Ioniq Electric ไร้มลพิษ ทันสมัย ระบบความปลอดภัยเพียบ "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด