Nissan เผยเหตุผล! ทำไม “Patrol” SUV ตัวท็อปถึงไม่ใช้เครื่องดีเซลอย่างที่ใครหลายคนหวังไว้

Nissan เผยเหตุผล! ทำไม “Patrol” SUV ตัวท็อปถึงไม่ใช้เครื่องดีเซลอย่างที่ใครหลายคนหวังไว้

แฟน ๆ รถออฟโรดสายลุยอาจต้องทำใจ เพราะ Nissan ออกมายืนยันแล้วว่า “Patrol รุ่นใหม่จะไม่มีเครื่องดีเซล” แม้คู่แข่งตลอดกาลอย่าง Toyota Land Cruiser 300 จะยังคงใช้ดีเซลอยู่ก็ตาม

เมื่อปีที่แล้ว Nissan เปิดตัว Patrol เจเนอเรชันที่ 7 พร้อมยืนยันว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซินล้วน มีให้เลือกทั้งเครื่อง 3.5 ลิตร V6 ทวินเทอร์โบ และ 3.8 ลิตร V6 NA (ไม่มีเทอร์โบ)

ซึ่งแน่นอนว่าแฟน ๆ หลายคน โดยเฉพาะในออสเตรเลียและตะวันออกกลาง ต่างคาดหวังว่าจะมี “ดีเซล” เสริมทัพ เพราะภูมิภาคเหล่านี้นิยมรถแรงบิดสูงและทนทานต่อการใช้งานหนัก แต่ล่าสุด Nissan ก็ออกมาปิดประตูข่าวลือนี้เป็นที่เรียบร้อย

โดย Antonio Lopez หัวหน้าฝ่ายพัฒนารถ SUV ขนาดใหญ่ของ Nissan ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Drive Australia ว่า “เราออกแบบรถจากสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ และจากสิ่งที่พวกเขายินดีจะจ่าย”

พร้อมเสริมว่า ถึงแม้พื้นที่ห่างไกลในออสเตรเลียบางแห่งอาจได้ประโยชน์จากเครื่องดีเซล (เพราะใช้เชื้อเพลิงเดียวกับเครื่องจักรเกษตรได้) แต่ในความเป็นจริง แนวโน้มตลาดกำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

Antonio Lopez กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้รถส่วนใหญ่ที่ขายในออสเตรเลียมาจากยุโรป ซึ่งกำลังเปลี่ยนไปใช้เครื่องเบนซิน ไฮบริด หรือไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้ดีเซลไม่เป็นที่ต้องการเหมือนเมื่อก่อน” ดังนั้น Patrol เครื่องเบนซินจึงถือว่า ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและความคุ้มค่าการพัฒนา มากกว่า

แล้วดีเซลของ Nissan จะหายไปเลยไหม? จริง ๆ แล้ว Nissan ยังมีรถกระบะ Navara ที่ใช้เครื่องดีเซลอยู่ในหลายประเทศ แต่เทคโนโลยีนี้เริ่มถูกลดความสำคัญลงเรื่อย ๆ และบริษัทก็หันไปลงทุนกับ เทคโนโลยีไฟฟ้าและไฮบริด มากกว่า

แม้จะยังมีตลาดเล็ก ๆ ที่อาจขายได้ เช่น ออสเตรเลียหรือบางประเทศในตะวันออกกลาง แต่ในภาพรวมแล้ว การพัฒนาเครื่องดีเซลใหม่เพื่อ “ไม่กี่ตลาด” มันไม่คุ้มค่าอีกต่อไป

ทิศทางของ Nissan ตอนนี้ชัดเจน มุ่งสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถไฮบริดมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า Patrol รุ่นต่อ ๆ ไปอาจเห็นระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยเพิ่มแรงบิดและลดการปล่อยไอเสียแทน

สุดท้ายนี้ ถ้าหากทางทีมงานทราบข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติม จะนำมารายงานให้เพื่อน ๆ ทราบอีกครั้งนะครับ