1st impression รีวิว 2016 Honda Accord Hybrid TECH ใหม่ ขับดีกว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี แต่ถูกกว่าเดิม
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ผู้เขียนเคยได้สัมผัสกับ Honda Accord Hybrid ซึ่งเปิดตัวในช่วงปีนั้น โดยได้ขับกันเต็มๆเดินทางไกลยาวๆ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเป็นรถไฮบริดญี่ปุ่นที่ แรงทรงพลัง ประหยัดจริง และน่าใช้ที่สุด ณ ขณะนั้น
และเมื่อช่วงเดือนที่แล้ว Honda ก็ได้เปิดตัว 2016 Honda Accord Hybrid ใหม่ ซึ่งโดดเด่นด้วยการชูจุดขาย Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำกันไปแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ทาง Honda Automobile ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทดสอบ Honda Accord Hybrid ใหม่ ซึ่งทาง 9carthai เราได้รับเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ด้วย
สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้รถทุกคันจะเป็นรุ่น Accord Hybrid TECH ซึ่งเราได้รถคันสีดำ หมายเลข 2 การเดินทางใช้เส้นทาง พัทยา-จันทบุรี-พัทยา รวมระยะทางราว 300 กม. ซึ่งผู้เขียนได้ทดสอบในช่วงขากลับจากหาดคุ้งวิมาน (จันทบุรี) กลับมายัง Intercontinetal Resort พัทยา ระยะทางร่วม 150 กม.
มาเริ่มกันตั้งแต่ภายนอก 2016 Honda Accord Hybrid TECH ใหม่ ดูรูปลักษณ์เหมือนกับ 2016 Honda Accord 2.0 และ 2.4 แต่มีรายละเอียดที่แตกต่าง ได้แก่
ไฟหน้า-ไฟท้าย LED กรอบไฟสีฟ้า, ไฟตัดหมอกหน้า LED และกระจังหน้าบริเวณช่องลมใต้แถบโครเมียมเป็นสีฟ้า
เสาอากาศปรับเป็นแบบครีบฉลาม
โลโก้ Hybrid ที่แก้มข้าง และฝากระโปรงท้าย
ในรุ่น TECH นี้จะมีออปชั่นภายนอกที่ต่างจากรุ่นอื่นคือ ติดตั้ง Sunroof, สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลังที่ฝากระโปรงท้าย มาให้ รวมถึงการล้ออัลลอยลายใหม่ 18” ในรุ่น Hybrid Tech
สำหรับรายละเอียดที่เราไม่เห็นการแตกต่าง แต่ Honda ได้พัฒนาใหม่ คือ เพิ่ม Aerodynamic ด้วยการดีไซน์บังโคลนล้อหน้า ให้ลดแรงเสียดทานลง
ขณะที่ยางเปลี่ยนจาก Michelin Pilot Sport 3 มาเป็น Advan dB ซึ่งเน้นความเงียบ มากกว่าสมรรถนะแบบสปอร์ต
กุญแจ Honda Smart Key ที่เพิ่มปุ่มติดเครื่องปรับอากาศได้ตั้งแต่ภายนอกรถ
ภายในห้องโดยสาร เปิดประตูเข้ามาจะพบห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำ ใช้เบาะหนังสีน้ำตาล ปรับไฟฟ้า 8 ทิศสำหรับคนขับ + ตัวดันหลัง และ 4 ทิศสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
ชุด Multimedia เป็นแบบหน้าจอสัมผัสขนาด 7.7” จอสี TFT รองรับ Apple Car Play พร้อมระบบ NAVI รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายทั้ง USB (2 ช่อง), DVD, HDMI, Bluetooth, การสั่งงานด้วยเสียงผ่าน SIRI, และใช้เป็น Wifi Hotspot ได้ด้วย สำหรับหน้าจอนี้ ยังแสดงผลกล้องมองหลังปรับได้ 3 ระดับ และ Lane Watch ด้วย
ถ่ายกำลังเสียงผ่านลำโพงแบบพรีเมี่ยม 7 ตัวพร้อม Sub-Woofer และยังมีระบบ ANC ควบคุมเสียงลดกวนเข้าห้องโดยสาร ช่วยมอบความสุนทรีย์ในการเดินทางได้ดี
ขณะที่จอด้านบนยังแสดงผลเมนูต่างๆ
บนพวงมาลัยจะมีการเพิ่มปุ่ม Menu ขึ้นทางสวิทช์ซ้าย และปุ่ม LKAS ทางสวิทช์ขวา
ที่บริเวณคันเกียร์เพิ่มปุ่ม Sport เข้ามา ตอบโจทย์ขาซิ่ง
ขณะที่แผงควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยฝั่งขวา ได้มีให้เลือกปิดระบบได้ ทั้ง VSA, CMBS, LKAS, AVAS (เตือนคนภายนอกขณะขับด้วยโหมด EV)
อีกจุดเด่นของ 2016 Accord Hybrid ใหม่ คือ เมื่อเปิดฝากระโปรงหลัง จะพบพื้นที่ด้านท้ายเพิ่มขึ้นอีก 26 ลิตร เป็น 424 ลิตร และสามารถวางของได้ยาวขึ้นเป็น 830 มม. ซึ่งได้อาณิสงค์จากขนาด IPU (ชุดแบตเตอรี่) ที่มีขนาดเล็กลง
ขุมพลังไฮบริด i-MMD ทั้งระบบมีกำลัง 215 แรงม้าขยับจากเดิมที่ 199 แรงม้า ซึ่งได้เพิ่มมาจาก การใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร i-VTEC ที่มีกำลัง 145 แรงม้า@6,200rpm (จากเดิม 143) แรงบิดที่ 175Nm@4,000rpm (เพิ่มขึ้นกว่า 10Nm) และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มีสมรรถนะดีขึ้น กำลัง +11kW แรงบิด +8Nm จากการเพิ่มพื้นที่ความหนาแน่นของขดลวดทองแดงจากการปรับเปลี่ยนรูปทรงแบบเหลี่ยมรังผึ้งมาเป็นสี่เหลี่ยม ความหนาแน่นเดิม 48 เพิ่มเป็น 60% และยังลดขนาดแม่เหล็กและน้ำหนักลงอีก 23%
รวมไปถึงการลดขนาด (23%) และน้ำหนัก (27%) ของ PCU ลงด้วย ด้านอัตราสิ้นเปลืองเคลมที่ 23.8 กม./ลิตร และไอเสีย 99 กรัม/กม.
ขณะที่ IPU ลดขนาดลง (33%) และน้ำหนัก (12.8%) ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระท้าย
ในโฉมปี 2016 จะเพิ่มปุ่ม Sport Mode เพื่อการตอบสนองการเปิดปิดลิ้นผีเสื้อว่องไวขึ้น รวมไปถึงการขับลากรอบได้มากขึ้น ระบบจะเลี้ยงรอบเครื่องยนต์เอาไว้เพื่อใช้ในการเร่งแซงได้อย่างดียิ่งขึ้น แต่ยังคงปุ่ม ECON ไว้เช่นเดิม
การขับใช้งานจริง ขุมพลัง i-MMD ยังคงสมรรถนะที่ดียอดเยี่ยมเช่นเคย ทั้งความแรงที่มากกว่าเดิม แม้จะไม่เห็นชัดแบบทุ่งครั้งที่กดคันเร่งก็ตาม นอกจากนี้ยังคงความนุ่มนวลไหลลื่นในการขับเคลื่อน จากระบบส่งกำลังเกียร์ E-CVT ที่ให้การตอบสนองดีเยี่ยม เพียงชั่วพริบตา จังหวะเร่งแซงนั้นรถพุ่งทะยานไปถึงระดับ 140 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ความเร็วย่านปลาย ยังแรงดีไม่มีตก สามารถไต่ระดับได้จนถึง 189 กม./ชม. ก็ไม่สามารถไปต่อได้เพราะโดนล๊อคเอาไว้ ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งนั่นต้องเข้าใจว่า รถไฮบริดประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ คงไม่ได้ต้องการชูจุดขายที่ความเร็วปลายนัก
ในจังหวะรถติด ลอง EV Mode กันบ้าง หากประจุเหลือแบบเต็มๆ ก็ขับกันได้กันยาวๆ เป็น กม. สบายๆ และการทำความเร็วด้วย EV Mode ที่ 120 กม./ชม. มันทำได้จริง! แต่หากประจุเริ่มเหลือต่ำกว่า 2 ขีด ก็ จะตัดมาเป็น Engine Mode รวมไปถึงบางจังหวะที่ Kick Down ลงไป เครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อช่วยรีดเค้นกำลังให้เพียงพอที่คุณจะเรียกใช้
จุดที่น่าประทับใจ คือ การชาร์จประจุเก็บเข้าแบตเตอรี่ที่ทำได้ดียิ่งขึ้น ชาร์จไฟกลับได้ไวขึ้นกว่าเดิม ช่วงยกคันเร่งรู้สึกได้ถึงการ Regenerate เบรกได้ดีกว่าเดิม จนแทบจะไม่ต้องใช้เกียร์ B สัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพในการดึงประจุกลับที่เยี่ยมกว่าเดิม
อัตราสิ้นเปลืองเราได้ตัวเลขที่ 15.8 กม./ลิตร อาจไม่ดีนัก เนื่องจาก เราเน้นการขับแบบทั้งลองรีดเค้นสมรรถนะ รวมไปถึงทดสอบระบบความปลอดภัยต่างๆ อีกด้วย และสภาพจราจรที่หลากหลายปะปนกัน จึงอาจไม่ได้โฟกัสที่อัตราสิ้นเปลืองนัก แต่ดูแล้วก็ประหยัดใกล้เคียงกับของเดิม ที่ผู้เขียนเคยทำตัวเก่าได้เฉลี่ยราวๆ 16 กม./ลิตร เช่นกัน
ระบบบังคับเลี้ยว EPS ซึ่งปรับเซ็ทใหม่ ให้สัมผัสความรู้สึกการขับขี่แบบสปอร์ตได้ตั้งแต่ออกตัว (ตัวเก่าเบากว่ามาก) คือ มันหนักมือขึ้นทันทีที่สาวพวงมาลัย อาจถูกใจหนุ่มๆ อย่างเราๆ แต่ดูจะไม่เหมาะแก่สาวผู้ขับที่อยากได้ความเบามือ ขณะที่การตอบสนองที่ความเร็วสูงก็ดีขึ้นไปด้วย
โดยรวมในด้านการควบคุมถือว่าแฮนด์ลิ่ง หนืดตึงมือดีกว่าเดิม ให้ความมั่นคงขึ้นอย่างชัดเจน แม้จะไม่กระฉับกระเฉงแบบรถสปอร์ตที่ให้ความคมกริบ ก็ตามแต่ก็ออกแบบมาได้กับสไตล์รถหรูอย่างลงตัว
ระบบกันสะเทือน ได้ปรับปรุงเพิ่มจากโฉมเดิม เพิ่มบาร์ค้ำทางด้านท้าย และเพิ่มแดมเปอร์ หน้า-หลัง รวมไปถึงการติดตั้งวัสดุซับเสียงตามที่ต่างๆ ซึ่งช่วยให้ตัวรถ 2016 Accord Hybrid ใหม่นี้ เงียบกว่าเดิม
ในด้านของสมรรถนะการขับขี่ ยังคงความนุ่มนวลได้ดีเช่นเคย แต่ด้วยการใช้ล้อขอบ 18” นั้นยังอาจสัมผัสได้ว่าแข็งไปบางจังหวะ ขณะขับพื้นผิวที่ไม่เรียบ และเป็นรอยต่อของถนน
ส่วนของการยึดเกาะยังคงหนึบพอตัวตามสไตล์ Accord แต่ทว่าการปรับยางมาใช้ตระกูลที่เน้นความเงียบอย่าง Advan dB แทนที่ Pilot Sport ทำให้ Grip ในด้านการยึดเกาะของตัวยางลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจังหวะเข้าโค้งหนักๆ
ระบบเบรก ก็ได้ปรับปรุงตัว Electric Servo Brake ใหม่ ให้มีประสิทธิภาพ ที่ดีขึ้น
ทั้งน้ำหนักการลงแป้นแบรกที่ดูให้การตอบสนองได้ดีกว่าเดิม (โฉมเก่าดูจะเซ็ทตื้นๆ และสไตล์เบรกไม่จิกเท้าเท่าที่ควร) รวมไปถึงแรงดึงช่วงยกคันเร่งเพื่อ Regenerate กลับเป็นประจุไฟฟ้า ก็สัมผัสได้ว่ามีประสิทธิภาพขึ้น ทำให้เห็นได้ชัดว่าการชาร์จประจุกลับนั้นทำได้ดีว่องไว เก็บประจุคืนสู่แบตได้อย่างรวดเร็ว
จุดที่ทำได้น่าประทับใจ คือ โฉมเก่า ผู้เขียนจำได้ว่ามีเสียงจี่ โทนแหลมในจังหวะยกคันเร่ง หรือ เบรก ซึ่งเป็นจังหวะที่ชาร์จประจุกลับนั่นเอง ในโมเดล 2016 นี้ไม่ได้ยินอาการดังกล่าว
ระบบเทคโนโลยีความปลอดภับ Honda Sensing ใหม่
CMBS (Collision Mitigation Braking System) หรือ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนน ระบบนี้จะคล้ายๆ กับ Volvo คือ เตือนก่อนหากรถเข้าใกล้หากขับแซงในบางจังหวะ ที่ใกล้กับคันหน้าระบบจะเตือนเราด้วย
LKAS (Lane Keeping Assist System ) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ โดยกล้องด้านหน้าจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยช่วยผู้ขับให้ควบคุมรถอยู่ในเลนปกติ ทำให้คุณใช้แรงน้อยลง
RDM (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning (LDW)) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ซึ่งเรดาร์และกล้องหน้ารถจะช่วยจับเส้นเลนถนน และหากเราเผลอออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจพวงมาลัยจะสั่นเตือน และพร้อมช่วยดึงกลับ
ACC ( Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ปรับได้ 4 ระดับ ช่วยให้คุณไม่ต้องมาแตะเบรกเอง เมื่อรถอยู่ไกลออกไปรถก็จะเร่งความเร็วกลับไปที่ความเร็วตั้งค่า ได้ด้วยอัตราเร่งที่เหมาะสม
สรุป รีวิว 2016 Honda Accord Hybrid TECH ในครั้งนี้ ทำให้เรารับรู้ได้ว่า ไม่ได้เพียงแค่การปรับโฉมรูปลักษณ์ใหม่เท่านั้น สมรรถนะที่ดีขึ้นจากระบบไฮบริดที่ปรับปรุงใหม่ รวมถึงการขับขี่ในทุกด้าน ทั้งแฮนด์ลิ่ง, เบรก และเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้น แต่กลับทำราคาถูกกว่าเดิม เรียกได้ว่า Honda Accord Hybrid TECH คันนี้ เป็นรถ D-Segment ที่โดดเด่นและน่าสนใจที่สุดในตลาดรถไฮบริดขณะนี้ก็ว่าได้
ที่สำคัญมั่นใจได้ในเรื่องระบบไฮบริด เพราะ Honda รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี ส่วนระบบไฮบริดทั้งระบบรับประกัน 5 ปี อุ่นใจอยู่กันได้ยาวๆ
จุดเด่น
จุดสังเกต
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai
ขอขอบคุณ Honda Automobile สำหรับทริปทดสอบ 2016 Honda Accord Hybrid TECH ใหม่ในครั้งนี้ ราคา 1.849 ล้านบาท
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " 1st impression รีวิว 2016 Honda Accord Hybrid TECH ใหม่ ขับดีกว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี แต่ถูกกว่าเดิม "