Stallion CT400 “แบรนด์ม้า สายพันธุ์ไทย”

stallion CT400  “แบรนด์ม้า สายพันธุ์ไทย”

วันนี้ทางเรา 9CARTHAI จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ เจ้ามอเตอร์ไซค์แบรนด์ไทย นั้นก็คือ Stallion ซึ่งในปัจจุบัน “แบรนด์ม้า สายพันธุ์ไทย” นี้ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เข้ามามีบทบาทในวงการ “โมโต” มากขึ้น ซึ่งก็อาจจะวัดได้จากปริมาณการใช้งานที่สามารถพบเห็นบนท้องถนนมากขึ้น  และไม่ว่าจะมองไปทางใหนในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยมของหมู่วัยรุ่นเป็นอย่างมาก อาจจะด้วยราคาที่จับต้องได้และสมรรถนะก็ถือไม่ว่าไม่แพ้แบรนด์ใหญ่ๆดังๆและรูปทรงที่บอกได้เลยว่ายกกันมา ตั้งแต่ยุค “80” กันเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้ทางเราก็มีอีกหนึ่งรีวิวตัวอย่างการใช้งานจริงมาให้เพื่อนๆ 9CARTHAI ได้รับชม เผื่อจะเป็นทางเลือกดีๆให้กับทุกคนที่อยากจะมี BIGBIKE ไว้ในครอบครองสักคัน วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับเจ้า Stallion CT400 รายละเอียดจะน่าสนใจเพียงใดไปติดตามจากด้านล่างได้เลยครับ

รีวิว จากมือใหม่ stallion CT400 (บทความโดย Team INFIDEL )
สวัสดีครับ เพิ่งเคยได้เข้ามาเขียนใน pantip เป็นครั้งแรก ฝากผลงานชิ้นเล็กๆไว้ด้วยครับ

ส่วนภาพเคลื่อนไหวก็ทำแบบสุกเอาเผากิน เพราะเป็นมือสมัครเล่นครับ แฮะๆ โอกาสหน้าจะพัฒนาตนเองครับ สามารถรับชมได้ที่

ส่วนรถที่ได้มาทำการทดลองขับขี่นั้น เป็นรถในส่วนใช้เพื่อทดสอบครับ เรื่องรายละเอียดรถนั้นยังไม่เหมือนตัวที่วางขายครับ
แต่เครื่องยนต์และระบบอิเลคทรอนิกเป็นตัวเดียวกัน และเชื่อว่าเมื่อถึงกำหนดส่งมอบรถจะมีการพัฒนาชิ้นงานมากยิ่งขึ้นไป

เอาละครับ กำครัชเข้าเกียร์ออกตัวมาขนาดนี้แล้ว “เดินทางกันเลยครับ”

เนื้อหาของการทดสอบขับขี่เจ้ามอเตอร์ไซแบรนด์ม้าไทย ” สตาร์เลี่ยน ”

นี่คือมอเตอร์ไซอีกรุ่นนึงที่ผมเองมองดูเวลาที่ผ่านมาหลังจากการประกาศถึงการเพาะพันธ์เจ้าม้า 400 แรง ตัวนี้แล้วนั้น พูดได้ว่ามีคนเฝ้ารอการมาของมันมากมาย

หลังการพูดคุยกับ บริษัท พาวเวอร์สตาร์เลี่ยนถึงความเป็นไปได้ที่ INFIDEL จะขอทดลองสัมผัส ” Centaur 400 ” มาซักพักนึงก็ได้รับการเปิดไฟเขียวจากบริษัท ให้ได้นำเอาม้าไทย 400 ซีซี ตัวนี้ไปบดฝีเท้าลงพื้น โดยตัวที่ได้ทดสอบนี้แม้จะเป็นตัวทดสอบแต่ก็ถือว่าเป็นตัวที่ขาดเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นก็สามารถวางขายได้ทันที งานประกอบส่วนใหญ่เกือบเต็มร้อยเปอร์เซนต์แล้ว ซึ่ง INFIDEL ต้องการเพียงจะทราบถึงฟิลลิ่งการใช้งานเพราะอย่างนั้น คันที่ได้มานี้ก็เพียงพอแล้ว

การทดสอบแบ่งเป็นสองช่วง คือช่วงการใช้งานในเมือง และช่วงการใช้งานทางไกล
โดยวางมาตราฐานการทดสอบเพียงแต่ใช้ความรู้สึกของบุคคลธรรมดาๆ ที่จะใช้รถคันนึงเท่านั้น

การทดสอบในเมืองนั้น พบว่าแม้จะมีมิติที่ใหญ่โต แต่ในการขับขี่เมื่อการสัญจรหนาแน่น CT400 ยังเดินทางลัดเลาะไปได้ดี เพียงแต่ในพื้นที่หนาแน่นสุดๆอย่างสีลม ต้องยอมรับว่าขยับได้ยาก ด้วยความกว้างของวงเลี้ยวล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ที่แม้จะใช้งานทางไกลได้ดีแต่ก็ต้องมีบางพื้นที่ที่จะส่งผลกับการเคลื่อนไหว

ความเร็วในเมืองนั้นทำได้ดี ย่านการใช้งานรอบกลางนั้นปรี๊ดปราด แม้สองเกียร์แรกนั้นจะดูสั้นเสียเหลือเกิน แต่เกียร์ที่สามนั้นราบรื่นเปิดเป็นมา

อัตราการสิ้นเปรืองน้ำมันในเมือง อยู่ที่ 40-45 กม/ลิตร หรือ 100บาท วิ่งได้ราวๆ 140-150 กม. หากใช้งานด้วยความเร็วปรกติ ไม่เกิน 80กม/ชม ถือว่าคุ้มค่าอยู่ กับซีซีระดับนี้ ( ส่วนนี้วัดจากการทดลองของทางทีม ซึ่งทางเราประสปการณ์ยังน้อยครับ มีการบวกลบผิดไปบ้าง ทาง Team INFIDEL ขอน้อมรับคำติชมไว้อย่างเต็มใจและจะแก้ไขให้ดีขึ้นต่อๆไปครับ )

ถัดมาที่การทดสอบเดินทางไกล ผมเชื่อว่าทุกท่านอาจจะรอให้ผมกล่าวถึงความเร็วปลายเสียที หรือบางทีทั้งบทความอาจจะรออ่านส่วนนี้อย่างเดียวก็เป็นได้

ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะส่วนตัวผมเองไม่ใช่นักขี่แบบเค้นไปที่ “ท็อปสปีด” ผมใช้งานในย่านที่ผมรู้สึกปลอดภัยเท่านั้น แต่ก็ขอบอกให้สบายใจ “ว่าม้าไทยตัวนี้นั้นแม้ฝีตีนจะส่งผ่านเป็นตัวเลขบนเรือนไมล์ว่า 120 แล้วนั้น ยังมีรอบเหลือให้ส่งไปถึง 130 กันแบบชิวๆไปเลยครับ”

และต้องขอเรียนให้ทราบว่าแม้ตัวเลขบนเรือนไมล์จะแจ้งตัวเลขออกมาเช่นไร แท้ที่จริงเมื่อจับความเร็วด้วย GPSแล้วพบว่าความเร็วต่างกันอยู่หลักยี่สิบ

เข็มไมล์ติดรถนั้นแข็งนัก!!!

แต่ถึงแม้มันจะเร็วจนผมรู้สึกเซอร์ไพรซ์เช่นไร อาการหน้าฉกส่ายในช่วงความเร็ว120ปลายๆก็ยังมีมาแต่สำหรับผมนั้น การที่ใช้รถพิกัดเดียวกันนี้ของค่ายญี่ปุ่นอยู่ประจำทุกวันก็บอกได้ว่าไม่ได้ต่างกันนักไม่ใช่แบรนด์อื่นจะไม่มี แต่จะให้ดีก็ขอให้มีอาการน้อยที่สุดดีกว่า ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ผู้ขับขี่ควรวิเคราหะและใช้ความระมัดระวังด้วยครับ

ในการทดสอบเดินทางไกลนี้ผมใช้เส้นทางจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เส้นทางนั้นไม่สาหัสมากนัก เจอหลุมบ่อเล็กน้อย ความเร็วเดินทางนั้นสูงสุดอยู่ที่ 120 และสลับย่านใช้งาน เป็น 90 และ 80 ตามลำดับ ตลอดการเดินทางพบว่าแม้จะเป็นเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยครีบอากาศ 400 ซีซี แต่ก็ไม่มีปัญหาร้อนจนดับแต่อย่างใด ความเร็วที่ 100-120 แม้จะเจอหลุมบ่อเล็กๆก็ไม่พบว่าทำให้รถควบคุมยากแต่อย่างใด

ช็อคหน้า/หลัง : หลัง แม้จะแข็งเอาเรื่องแต่กับการเข้าโค้งที่ย่านความเร็ว 30-90 พบว่าราบรื่นดี ไม่ดีดจนมีอาการปัดให้เห็น/ หน้า นั้นทำงานของมันได้ดีแม้จะแข็งไปเช่นกัน

ระบบเบรค : ทั้งตัวเบรคหน้าแบบดิสเบรค ที่เล็กไปทำให้หยุดช้ากว่ารถสมัยใหม่รุ่นอื่น เบรคหลังที่เป็นดรั้มเบรค ซึ้งต้องการระยะในการเบรค และเอ็นจิ้นเบรค ที่ให้ความรู้สึกน้อยมากในช่วงเกียร 2และ3 อาจทำให้การขับขี่ต้องพึ่งเบรค หน้า หลัง มากไปหน่อย ทั้งนี้นั้นยังหวังลึกๆว่าจะได้รับการปรับปรุงก่อนวางจำหน่ายตัวจริง

Body Past : บอกได้ว่าวัสดุที่ใช้นั้นเยี่ยม ดูแข็งแรงมีราคา งานเชื่อมโครงดูเนี๊ยบสวยงามข้ามขั้นตัว 150 ที่ขายไปก่อนหน้ามาก แต่ในขณะเดียวกันนั้น งานประกอบกลับยังไม่เรียบร้อยอีกหลายๆจุด

ผ่านการขับขี่ท่องเที่ยวไปมาในวันนั้น ยอมรับว่าแทบจะไม่มีอะไรติอีกในเรื่องการใช้งานพื้นฐาน ขับขี่มีความสุขดีครับ จัดว่าเป็นรถที่ขี่เดินทางสนุกทีเดียว

สิ้นแสงสุดท้ายของยามเย็น ผมเสียใจเล็กน้อยที่มีโอกาศได้ทดลองสั้นๆ ใจยังอยากจะรู้ว่าในการใช้งานระยะยาวจะมีผลเช่นไรบ้าง แต่กระนั้นการพบก็ต้องมีการจากลาไป เหลือไว้เพียงการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อท่ามกลางเสียงพูดคุยถึงเจ้าม้าไทย 400 ซีซี ตัวนี้ เพราะหากเราใช้กาลเวลาพิสูจน์คนแล้วนั้น…คงต้องให้ระยะทางพิสูจน์ม้ากันต่อไป..

จนกว่าจะถึงการเดินทางอีกครั้ง ขอบคุณครับ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ สมาชิกหมายเลข 2866991 จาก www.pantip.com, www.stallionsmotor.com