Mirage ใหม่ “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย”

โพสโดย : admin / วันที่ : 15 พฤศจิกายน 2012

Mirage ใหม่ “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย”

มิตซูบิชิมิราจ” เป็นผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกและรถยนต์รุ่นใหม่ในสายผลิตภัณฑ์ของมิตซู บิชิ มอเตอร์ส ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ของตลาดโลก โดยได้รับการออกแบบโดยเน้น “ความกะทัดรัด” “ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย” และ “ให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม” จึงให้ความสมดุลทั้งสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งาน ทั้งนี้จากความพยายามในการลดน้ำหนักของตัวรถรวมไปถึงการพัฒนารถขึ้นมาบนแพ ลทฟอร์มใหม่ทั้งหมดโดยเน้นการประหยัดน้ำมันจากโครงสร้างเหล็กความแข็งแรงสูง High Tensile Steel ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่ใความแข็งแกร่งสูงกว่าเหล็กทั่วไป สอดคล้องกับการออกแบบตัวถังตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ เป็นรถที่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุดในรถระดับเดียวกันโดยมีอัตราการประหยัด น้ำมันสูงสุดถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร (ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานยุโรป UNECE Reg.101 Rev.O1 Combine Mode) รวมไปถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะของโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐาน สากล หรือ อีโค คาร์ ของรัฐบาลไทย

นับตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถพูดได้ว่า มิราจ ใหม่ คือรถยนต์อีโค คาร์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าเห็นได้จากการมีตัวเลขยอดขายสูงสุดในกลุ่ม รถยนต์อีโค คาร์ โดยลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจในความสะดวกสบาย การประหยัดน้ำมัน ความคุ้มค่าและความคล่องตัวในการขับขี่ของมิราจใหม่

ทั้งนี้เพื่อ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของรถในเรื่อง “ให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม” ล่าสุด ทางบริษัทฯ จึงได้มีการจัดกิจกรรมทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันของรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่โดยสื่อมวลชนสายรถยนต์บนเส้นทางกรุงเทพ-เชียงราย และ เชียงราย-กรุงเทพ ในระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2555 โดยใช้ชื่อกิจกรรม “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย”  ด้วยรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ มิตซูบิชิ มิราจ 1.2 GLS Ltd.  เกียร์อัตโนมัติ CVT และ มิตซูบิชิ มิราจ 1.2 GLX เกียร์ธรรมดา เพื่อพิสูจน์หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของมิตซูบิชิ มิราจ ใหม่อีกครั้ง

เตรียมรถให้พร้อมก่อนการเดินทางไกล
สำหรับ การเตรียมความพร้อมของรถก่อนการทดสอบในครั้งนี้นั้นเริ่มจากการ “เติมลมยาง” ให้อยู่ในระดับ 45 psi เท่ากันทั้งสี่ล้อ (สเป็ครถ 35 psi) เนื่องจากเส้นทางที่วิ่งจะมีร่องรอยชำรุดและการซ่อม/สร้างผิวทางใหม่เป็น ช่วงๆ โดยเฉพาะระหว่าง จ.นครสวรรค์-ตาก จากนั้นจึงเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอ็อคเทน 91 ไร้สารเต็มถัง ที่ความจุ 35 ลิตร ในส่วนอื่นๆ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพรถยนต์ปกติทั่วไป

เริ่มบททดสอบ จากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถึง เชียงราย 
ผลลัพธ์ที่ได้ 27.73 กม./ลิตร สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 32.81 กม./ลิตร”

หลัง จากการเติมน้ำมันเต็มถัง พร้อมปิดผนึกทั้งฝาถังน้ำมันและกระโปรงหน้า โดยได้รับเกียรติจาก มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เซ็นชื่อกำกับและอวยพรให้คณะผู้เข้าร่วมทดสอบทุกท่าน  การเดินทางเพื่อทดสอบความประหยัดของเจ้าตัวเล็ก กับน้ำมันถังเล็กๆ ก็เริ่มขึ้นในเวลา 8.30 น.

การขับขี่โดยภาพรวมเราออกตัวด้วยความ นุ่มนวลไม่ให้รอบเครื่องเกิน 2,000 rpm เพื่อให้เกียร์อัตโนมัติไล่เปลี่ยนจังหวะไปยังตำแหน่งเกียร์สุดท้ายโดยเร็ว และเลี้ยงรอบไว้ที่ 1,750-1,900 rpm หรือระหว่าง 82-90 กม./ชม.ตลอดเส้นทาง  ขณะที่ในรุ่นเกียร์ธรรมดาก็จะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องประมาณ 1,500-2,000 rpm เช่นกัน  จากนั้นก็ประคองความเร็วไว้ที่แถวๆ 82 กม./ชม.รอบเครื่อง 2,500 rpm (ในความเร็วเท่ากันรุ่นเกียร์ธรรมดาจะใช้รอบเครื่องสูงกว่า)

จาก สำนักงานใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เราเจอปัญหารถติดเล็กน้อย  ก่อนแยกซ้ายไปใช้ทางหลวงสายเอเซียผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา-อ่างทอง-สิงห์บุรี ซึ่งช่วงนี้สามารถขับขี่ประคองคันเร่งในตำแหน่งเกียร์สุดท้ายได้อย่างสบาย เพราะถนนกว้างขวางและการจราจรไม่หนาแน่น

หลังจากรับประทานอาหารกลาง วันที่ “ร้านยิ้มยิ้ม” เลยแยก จ.อุทัยธานี ก่อนถึง อ.พยุหะคีรี (เวลา 11.00-12.00 น.) ก็เดินทางต่อโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธินไปแยกซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองไม่ผ่านตัว จ.นครสวรรค์  จากนั้นสภาพผิวทางจะเริ่มชำรุดเป็นระยะและมีงานซ่อมตลอดจนสร้างผิวทางใหม่ แทรกอยู่หลายช่วง  พร้อมกับมีพายุฝนโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราว  แต่ก็ยังขับขี่คุมความเร็วและรอบเครื่องตามที่กล่าวมาไปผ่าน จ.กำแพงเพ็ชร  ครั้นเมื่อเลย จ.ตาก เส้นทางจะเริ่มขึ้น/ลงเนินโดยตลอดการขับขี่ก็ยังเป็นไปตามลักษณะเดิม  โดยขณะขึ้นเนินจะประคองคันเร่งไม่ให้เกียร์เปลี่ยนทวนจังหวะ

เมื่อ ผ่าน จ.ลำปาง ไปแล้วเส้นทางต้องขึ้นเขาสูงไปหา อ.งาว  ช่วงนี้รุ่นเกียร์อัตโนมัติจะประคองความเร็วและทำเวลาได้ดีโดยที่รอบ เครื่องยังอยู่ในระดับเดิม  แต่รุ่นเกียร์ธรรมดาต้องใช้ฝีมือและความอดทนเลี้ยงคันเร่งให้ข้ามความสูง ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์  ซึ่งถือเป็นช่วงที่ขับยากที่สุดในเส้นทาง

เรา ได้หยุดพักรับประทานอาหารเย็นที่กว๊าน จ.พะเยา ในเวลาประมาณ 20.00-21.00 น.  ก่อนเดินทางต่อไปยัง จ.เชียงราย โดยได้เข้าเติมเชื้อเพลิงหาอัตราสิ้นเปลืองที่  ปั๊ม ปตท. ก่อนเข้าตัวเมืองเชียงราย  ซึ่งปรากฏว่า ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติที่วิ่งได้ระยะทาง 770.7 กม.ตาม Trip meter บนหน้าปัด ได้เผาผลาญ อ็อคเทน 91 ไป 27.793 ลิตรทำให้หารออกมาได้อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ “27.73 กม./ลิตร”  ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาที่วิ่งไป 770.5 กม.ได้เติมน้ำมันชดเชยเข้าไป 23.478 ลิตร ส่งผลให้หารออกมาได้อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ “32.81 กม./ลิตร”  ถือเป็นอัตราสิ้นเปลืองที่ “ประหยัด” เกินคาด    และทำให้ภารกิจ  “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย” ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  เราพักค้างคืนกันที่ “โรงแรมเวียงอินทร์” จ.เชียงราย   เก็บแรงสำหรับบททดสอบอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

พิสูจน์อีกครั้งเพื่อการันตีความประหยัด เชียงราย – กรุงเทพ

ผลลัพธ์ที่ได้ 28.51  กม./ลิตร สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 31.14  กม./ลิตร

เช้าวันที่สองของการทดสอบหลังจากเติมน้ำมันเต็มถังก็เริ่มออกเดินทางใน เวลาประมาณ 9.00 น. โดยแวะเก็บภาพที่ “วัดร่องขุ่น” ประมาณ 20 นาที  ก่อนวิ่งย้อนเส้นทางวันแรกลงมาพักรับประทานอาหารกลางวันที่ “เวียงลคอร” จ.ลำปาง ระหว่าง 12.45-14.00 น.  จากนั้นก็ล่องลงมาผ่าน จ.ตาก-กำแพงเพ็ชร และเข้าพักที่ จ.นครสวรรค์ ในเวลาประมาณ 19.00 น.  โดยเข้าพักที่ “โรงแรมไม้หอมรีสอร์ท” และรับประทานอาหารเย็นที่ “ร้านโกยี”

วันที่สามของการเดินทาง คณะเริ่มออกเดินทางช่วงสุดท้ายจาก จ.นครสวรรค์ ในเวลา 9.15 น. แล้ววิ่งตามทางหลวงสายเอเซียผ่าน แยกอุทัยธานี-จ.สิงห์บุรี-อ่างทอง-อยุธยา  ก่อนผ่านหน้ามิตซูบิชิ “สนง.ใหญ่” เพื่อไปขึ้นดอนเมืองโทลเวย์  ปรากฏว่ามีรถกระบะเกิดอุบัติเหตุพลิกตะแคงแถวๆ หน้า มหาวิทยาลัยกรุงเทพทำให้รถติดเป็นขบวนยาวต้องเสียเวลาหยุดๆ ไหลๆ อยู่ร่วม 20 นาทีจึงขึ้นโทลเวย์ได้  และได้เดินทางเข้ากรุงโดยมาเติมน้ำมันครั้งสุดท้ายที่ปั๊ม ปตท.ร1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้าม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

สำหรับผลการขับขี่เที่ยวกลับนี้ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติบนระยะทางรวม 819.8 กม.ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไป 28.753 ลิตร  ส่งผลให้คำนวณออกมาได้อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ “28.51 ลิตร” ซึ่งถือว่าดีกว่าขาขึ้นเล็กน้อย ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาในระยะทางเท่ากันจะเติมน้ำมันชดเชยเข้าไป 26.320 ลิตร  หรือหารออกมาได้ “31.14 กม./ลิตร” ด้อยกว่ากันไม่มาก

มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย”

05.11.2012

มิตซูบิชิ “มิราจ” เป็นผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกและรถยนต์รุ่นใหม่ในสายผลิตภัณฑ์ของมิตซู บิชิ มอเตอร์ส ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ของตลาดโลก โดยได้รับการออกแบบโดยเน้น “ความกะทัดรัด” “ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย” และ “ให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม” จึงให้ความสมดุลทั้งสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งาน ทั้งนี้จากความพยายามในการลดน้ำหนักของตัวรถรวมไปถึงการพัฒนารถขึ้นมาบนแพ ลทฟอร์มใหม่ทั้งหมดโดยเน้นการประหยัดน้ำมันจากโครงสร้างเหล็กความแข็งแรงสูง High Tensile Steel ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่ใความแข็งแกร่งสูงกว่าเหล็กทั่วไป สอดคล้องกับการออกแบบตัวถังตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ เป็นรถที่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุดในรถระดับเดียวกันโดยมีอัตราการประหยัด น้ำมันสูงสุดถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร (ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานยุโรป UNECE Reg.101 Rev.O1 Combine Mode) รวมไปถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะของโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐาน สากล หรือ อีโค คาร์ ของรัฐบาลไทย

นับตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถพูดได้ว่า มิราจ ใหม่ คือรถยนต์อีโค คาร์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าเห็นได้จากการมีตัวเลขยอดขายสูงสุดในกลุ่ม รถยนต์อีโค คาร์ โดยลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจในความสะดวกสบาย การประหยัดน้ำมัน ความคุ้มค่าและความคล่องตัวในการขับขี่ของมิราจใหม่

ทั้งนี้เพื่อ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของรถในเรื่อง “ให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม” ล่าสุด ทางบริษัทฯ จึงได้มีการจัดกิจกรรมทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันของรถยนต์ Mirage โดยสื่อมวลชนสายรถยนต์บนเส้นทางกรุงเทพ-เชียงราย และ เชียงราย-กรุงเทพ ในระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2555 โดยใช้ชื่อกิจกรรม “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย”  ด้วยรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ มิตซูบิชิ มิราจ 1.2 GLS Ltd.  เกียร์อัตโนมัติ CVT และ มิตซูบิชิ มิราจ 1.2 GLX เกียร์ธรรมดา เพื่อพิสูจน์หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของมิตซูบิชิ มิราจ ใหม่อีกครั้ง

เตรียมรถให้พร้อมก่อนการเดินทางไกล
สำหรับ การเตรียมความพร้อมของรถก่อนการทดสอบในครั้งนี้นั้นเริ่มจากการ “เติมลมยาง” ให้อยู่ในระดับ 45 psi เท่ากันทั้งสี่ล้อ (สเป็ครถ 35 psi) เนื่องจากเส้นทางที่วิ่งจะมีร่องรอยชำรุดและการซ่อม/สร้างผิวทางใหม่เป็น ช่วงๆ โดยเฉพาะระหว่าง จ.นครสวรรค์-ตาก จากนั้นจึงเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอ็อคเทน 91 ไร้สารเต็มถัง ที่ความจุ 35 ลิตร ในส่วนอื่นๆ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพรถยนต์ปกติทั่วไป

เริ่มบททดสอบ จากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถึง เชียงราย 
ผลลัพธ์ที่ได้ 27.73 กม./ลิตร สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 32.81 กม./ลิตร”

หลัง จากการเติมน้ำมันเต็มถัง พร้อมปิดผนึกทั้งฝาถังน้ำมันและกระโปรงหน้า โดยได้รับเกียรติจาก มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เซ็นชื่อกำกับและอวยพรให้คณะผู้เข้าร่วมทดสอบทุกท่าน  การเดินทางเพื่อทดสอบความประหยัดของเจ้าตัวเล็ก กับน้ำมันถังเล็กๆ ก็เริ่มขึ้นในเวลา 8.30 น.

การขับขี่โดยภาพรวมเราออกตัวด้วยความ นุ่มนวลไม่ให้รอบเครื่องเกิน 2,000 rpm เพื่อให้เกียร์อัตโนมัติไล่เปลี่ยนจังหวะไปยังตำแหน่งเกียร์สุดท้ายโดยเร็ว และเลี้ยงรอบไว้ที่ 1,750-1,900 rpm หรือระหว่าง 82-90 กม./ชม.ตลอดเส้นทาง  ขณะที่ในรุ่นเกียร์ธรรมดาก็จะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องประมาณ 1,500-2,000 rpm เช่นกัน  จากนั้นก็ประคองความเร็วไว้ที่แถวๆ 82 กม./ชม.รอบเครื่อง 2,500 rpm (ในความเร็วเท่ากันรุ่นเกียร์ธรรมดาจะใช้รอบเครื่องสูงกว่า)

จาก สำนักงานใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เราเจอปัญหารถติดเล็กน้อย  ก่อนแยกซ้ายไปใช้ทางหลวงสายเอเซียผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา-อ่างทอง-สิงห์บุรี ซึ่งช่วงนี้สามารถขับขี่ประคองคันเร่งในตำแหน่งเกียร์สุดท้ายได้อย่างสบาย เพราะถนนกว้างขวางและการจราจรไม่หนาแน่น

หลังจากรับประทานอาหารกลาง วันที่ “ร้านยิ้มยิ้ม” เลยแยก จ.อุทัยธานี ก่อนถึง อ.พยุหะคีรี (เวลา 11.00-12.00 น.) ก็เดินทางต่อโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธินไปแยกซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองไม่ผ่านตัว จ.นครสวรรค์  จากนั้นสภาพผิวทางจะเริ่มชำรุดเป็นระยะและมีงานซ่อมตลอดจนสร้างผิวทางใหม่ แทรกอยู่หลายช่วง  พร้อมกับมีพายุฝนโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราว  แต่ก็ยังขับขี่คุมความเร็วและรอบเครื่องตามที่กล่าวมาไปผ่าน จ.กำแพงเพ็ชร  ครั้นเมื่อเลย จ.ตาก เส้นทางจะเริ่มขึ้น/ลงเนินโดยตลอดการขับขี่ก็ยังเป็นไปตามลักษณะเดิม  โดยขณะขึ้นเนินจะประคองคันเร่งไม่ให้เกียร์เปลี่ยนทวนจังหวะ

เมื่อ ผ่าน จ.ลำปาง ไปแล้วเส้นทางต้องขึ้นเขาสูงไปหา อ.งาว  ช่วงนี้รุ่นเกียร์อัตโนมัติจะประคองความเร็วและทำเวลาได้ดีโดยที่รอบ เครื่องยังอยู่ในระดับเดิม  แต่รุ่นเกียร์ธรรมดาต้องใช้ฝีมือและความอดทนเลี้ยงคันเร่งให้ข้ามความสูง ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์  ซึ่งถือเป็นช่วงที่ขับยากที่สุดในเส้นทาง

เรา ได้หยุดพักรับประทานอาหารเย็นที่กว๊าน จ.พะเยา ในเวลาประมาณ 20.00-21.00 น.  ก่อนเดินทางต่อไปยัง จ.เชียงราย โดยได้เข้าเติมเชื้อเพลิงหาอัตราสิ้นเปลืองที่  ปั๊ม ปตท. ก่อนเข้าตัวเมืองเชียงราย  ซึ่งปรากฏว่า ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติที่วิ่งได้ระยะทาง 770.7 กม.ตาม Trip meter บนหน้าปัด ได้เผาผลาญ อ็อคเทน 91 ไป 27.793 ลิตรทำให้หารออกมาได้อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ “27.73 กม./ลิตร”  ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาที่วิ่งไป 770.5 กม.ได้เติมน้ำมันชดเชยเข้าไป 23.478 ลิตร ส่งผลให้หารออกมาได้อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ “32.81 กม./ลิตร”  ถือเป็นอัตราสิ้นเปลืองที่ “ประหยัด” เกินคาด    และทำให้ภารกิจ  “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย” ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  เราพักค้างคืนกันที่ “โรงแรมเวียงอินทร์” จ.เชียงราย   เก็บแรงสำหรับบททดสอบอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

พิสูจน์อีกครั้งเพื่อการันตีความประหยัด เชียงราย – กรุงเทพ

ผลลัพธ์ที่ได้ 28.51  กม./ลิตร สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 31.14  กม./ลิตร

เช้าวันที่สองของการทดสอบหลังจากเติมน้ำมันเต็มถังก็เริ่มออกเดินทางใน เวลาประมาณ 9.00 น. โดยแวะเก็บภาพที่ “วัดร่องขุ่น” ประมาณ 20 นาที  ก่อนวิ่งย้อนเส้นทางวันแรกลงมาพักรับประทานอาหารกลางวันที่ “เวียงลคอร” จ.ลำปาง ระหว่าง 12.45-14.00 น.  จากนั้นก็ล่องลงมาผ่าน จ.ตาก-กำแพงเพ็ชร และเข้าพักที่ จ.นครสวรรค์ ในเวลาประมาณ 19.00 น.  โดยเข้าพักที่ “โรงแรมไม้หอมรีสอร์ท” และรับประทานอาหารเย็นที่ “ร้านโกยี”

วันที่สามของการเดินทาง คณะเริ่มออกเดินทางช่วงสุดท้ายจาก จ.นครสวรรค์ ในเวลา 9.15 น. แล้ววิ่งตามทางหลวงสายเอเซียผ่าน แยกอุทัยธานี-จ.สิงห์บุรี-อ่างทอง-อยุธยา  ก่อนผ่านหน้ามิตซูบิชิ “สนง.ใหญ่” เพื่อไปขึ้นดอนเมืองโทลเวย์  ปรากฏว่ามีรถกระบะเกิดอุบัติเหตุพลิกตะแคงแถวๆ หน้า มหาวิทยาลัยกรุงเทพทำให้รถติดเป็นขบวนยาวต้องเสียเวลาหยุดๆ ไหลๆ อยู่ร่วม 20 นาทีจึงขึ้นโทลเวย์ได้  และได้เดินทางเข้ากรุงโดยมาเติมน้ำมันครั้งสุดท้ายที่ปั๊ม ปตท.ร1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้าม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

สำหรับผลการขับขี่เที่ยวกลับนี้ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติบนระยะทางรวม 819.8 กม.ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไป 28.753 ลิตร  ส่งผลให้คำนวณออกมาได้อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ “28.51 ลิตร” ซึ่งถือว่าดีกว่าขาขึ้นเล็กน้อย ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาในระยะทางเท่ากันจะเติมน้ำมันชดเชยเข้าไป 26.320 ลิตร  หรือหารออกมาได้ “31.14 กม./ลิตร” ด้อยกว่ากันไม่มาก

บทสรุปของการทดสอบ Mirage

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการทดสอบการขับขี่ในระยะทางไกลกว่า 1,589 กิโลเมตรในครั้งนี้คือ ความประหยัดของรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ เพราะผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเปรียบเทียบระหว่างขาขึ้นกับขาล่องแล้วแทบไม่ต่าง กันและที่สำคัญการ “หาความสิ้นเปลืองสองครั้ง” จะแสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ที่ได้อยู่บนมาตรฐานเดียวกัน

รุ่น สื่อมวลชน เส้นทาง ระยะทาง (กม.) ปริมาณน้ำมัน (ลิตร) อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย (กม./ลิตร) หมายเหตุ
GLS Ltd.เกียร์อัตโนมัติCVT องอาจ จรุงศรี นิตยสารนักเลงรถ กทม.-เชียงราย 770.7 27.793 27.730 จาก สนง.ใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ภิญโญ ศิลปศาสตร์ดำรง นิตยสารกรังด์ปรีซ์ เชียงราย-กทม. 819.8 28.753 28.512
GLX เกียร์ธรรมดา อภิชาติ สุวรรณโพธิ์ศรี นิตยสารยานยนต์ กทม.-เชียงราย 770.5 23.478 32.818 จาก สนง.ใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ธนาสาร เสาวมล นิตยสารฟอร์มูลา เชียงราย-กทม. 819.8 26.320 31.147


เงื่อนไขการขับขี่

•เติมลมยางให้อยู่ในระดับ 45 psi เท่ากันทั้งสี่ล้อ
•เติม น้ำมันเชื้อเพลิงอ็อคเทน 91 ไร้สารเต็มถัง  พร้อมกับโยกรถติดต่อกันสี่-ห้ารอบเพื่อไล่อากาศและให้ได้ปริมาณน้ำมันมาก ที่สุดทั้งเริ่มเติมและเติมชดเชยวัดอัตราสิ้นเปลือง
•เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเส้นทางการทดสอบ
•ปิดผนึกทั้งฝาถังน้ำมันและกระโปรงหน้าป้องกันการเติมน้ำมันและดัดแปลงแก้ไขเครื่องยนต์ระหว่างการทดสอบ
•ขับด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
•อัตราการบริโภคน้ำมันที่ได้เกิดจากความสามารถในการขับขี่ของผู้ทดสอบ
•อัตราการบริโภคน้ำมันอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ละท่าน

ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ ^__^


สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Mirage ใหม่ “ถังเล็ก…ถังเดียวเที่ยวเชียงราย” "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด