Group Test : New MG3 ขับสนุกกว่าเดิม เติมความ FUN ด้วยหลากฟีเจอร์อินเทรนด์

Group Test : New MG3 ขับสนุกกว่าเดิม เติมความ FUN ด้วยหลากฟีเจอร์อินเทรนด์
ไม่นานหลังจากบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวรถยนต์แฮทช์แบ็กสีสันสดใส ‘MG3 ใหม่’ ล่าสุดช่วงเดือนสิงหาคมได้จัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนร่วมทดสอบความ Fun ภายใต้นิยาม ‘มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง’ บนเส้นทาง กรงเทพฯ-หัวหิน รวมระยะไป-กลับเกือบ 500 กม. เพื่อพิสูจน์กับสมรรถนะของขุมพลังใหม่ รวมถึงสัมผัสกับหลากฟังก์ชั่น-อุปกรณ์ความสะดวกสบายในห้องโดยสารไปพร้อมๆ กับฟีเจอร์ล้ำๆ ที่ติดตั้งมาให้แบบไม่ตกเทรนด์


รูปลักษณ์ภายนอก ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถต้นแบบอย่าง เอ็มจี อี-โมชั่น (E-Motion) สะดุดตาด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นทันสมัย ผสานสีสันอันโดนใจ และลงตัวมากขึ้นกับกระจังหน้าทรงใหม่ที่ดูหรูหราและทันสมัยขึ้น ขณะที่ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ (Projector Headlamp) มาพร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lights


ไฟท้ายทรงแนวตั้งแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ LED Light Guide เติมเต็มความปลอดภัยอีกขั้นด้วยไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลัง โดยในรุ่น X และ V เพิ่มลูกเล่นความสนุกด้วยหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ต สเกิร์ตข้างสีทูโทน และล้อแม็กแบบ Bi-Colourขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 195/55 R16 (ส่วนรุ่น C และ D ล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว ยาง 185/65 R15)

มิติตัวถัง ยาว 4,055 มม. กว้าง 1,729 มม. สูง 1,516 มม. ระยะฐานล้อ 2,520 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า 1,496 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หลัง 1,483 มม.

ภายในห้องโดยสาร ภาพรวมได้รับการออกแบบให้มีมุมมองที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เพิ่มขึ้น โดยแผงคอนโซลหน้าตกแต่งเส้นสายสีสันโมเดิร์นกราฟิก พร้อมระบบปรับอากาศเป็นแบบอิเล็คทรอนิก และช่องแอร์คงสไตล์เฉพาะตัวทรงกลมสไตล์เจ็ทเทอร์ไบน์

ขณะเดียวกันก็เน้นความกว้างขวางและนั่งสบายในทุกตำแหน่งที่นั่ง พร้อมเพิ่มความเร้าใจด้วยเส้นสายกับสีสันของเบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิก เบาะคู่หน้าคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง และเบาะที่นั่งหลังสามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 สร้างความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว

ทันสมัยกับฟีเจอร์ล้ำๆ ด้วยระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการอัพเดตฟังก์ชั่นใหม่บนแผนที่นำทาง  สนุกและสะดวกมากขึ้นกับจอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน WONGNAI สำหรับเสิร์ชหาร้านอาหารและแนะนำเมนูเด็ด ฟังก์ชันใช้งาน AGODA เพื่อค้นหาโรงแรม เมื่อต้องท่องเที่ยวหรือเดินทางค้างแรม รวมทั้งฟังก์ชั่นใช้งาน Online Music ในรูปแบบ Live Stream บนระบบคลาวด์ได้กว่า 1 ล้านเพลง ช่วยเติมเต็มความสนุกของตลอดการขับขี่ได้เสมอ

รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อยูเอสบี (USB)  และยังสามารถรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญและแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา เช่น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ ถุงลมนิรภัย และสถานะประตู ผ่านสมาร์ทโฟนพร้อมกับช่วยบอกตำแหน่งรถยนต์และแจ้งเตือนการสตาร์ทเครื่องที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ

เครื่องยนต์ รหัส 15S4C เบนซิน 4 สูบ 1,498 ซีซี DOHC 16 วาล์ว VTi-TECH จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ผสานระบบกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode ที่ปรับปรุงใหม่ตอบสนองการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น อัตราทดเกียร์ (1) 2.875 (2) 1.568 (3) 1.000 (4) 0.697 (R) 2.300 อัตราทดเฟืองท้าย 4.375 สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง E85 สำหรับระบบพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฮดรอลิก มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.425 ม.

ระบบช่วงล่าง คงคอนเซปต์เดิม EUROPEAN TUNING SUSPENSION ด้านหน้ามาในรูปแบบของแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชันบีม สามารถตอบโจทย์และคอนโทรลรถอย่างมั่นใจไม่ว่าทางตรงหรือทางโค้ง มาพร้อมระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังแบบดรัมเบรก

ความปลอดภัย MG3 ใหม่ มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 8 ฟังก์ชัน ซึ่งทำงานประสานกัน ทั้งระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน-ABS, ระบบกระจายแรงเบรก-EBD, ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์-EBA, ระบบควบคุมการทรงตัว-SCS, ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง-CBC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) และระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer) รวมไปถึงกล้องมองหลังและสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ช่วงทดสอบ กิจกรรมครั้งมีจุดประสงค์ให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบฟังก์ชั่นใหม่ๆ รวมถึงสมรรถนะของรถกันอย่างเต็มที่เสมือนการใช้งานจริงบนท้องถนน โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มสตาร์ทจากใจกลางเมืองย่านแยกราชประสงค์ จากนั้นฝ่าการจราจรไปขึ้นทางด่วนเพชรบุรีและต่อเนื่องมาลงที่พระรามสอง ซึ่งยึดรูปแบบการขับเป็นขบวนเรียงเบอร์ สำหรับรถที่ใช้ขับในทริปนี้เป็นรุ่น V Sunroof ทั้งหมด

สำหรับการทดสอบช่วงแรก จากจุดสตาร์ทยาวไปถึงช่วงจังหวัดสมุทรสงคราม เรียกว่าสามารถพิสูจน์ความคล่องตัวได้อย่างชัดเจน เพราะสภาพการจราจรค่อนข้างติดขัด แถมบางช่วงยังเคลื่อนตัวได้ช้าเนื่องจากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเลนเพื่อไปในสู่ช่องทางที่ลื่นไหลกว่า ซึ่งการคอนโทรลรถ MG3 ใหม่ก็ทำได้ค่อนข้างสะดวกด้วยขนาดรถที่กะทัดรัด อย่างไรก็ดีการบังคับพวงมาลัยในช่วงความเร็วต่ำ ผู้ขับอาจต้องออกแรงโยกมากหน่อยเพราะพวงมาลัยค่อนข้างหนัก

ขณะเดียวกันในช่วงรถติดๆ นี้ก็ยังได้สัมผัสกับความสะดวกสบายในรถ โดยเฉพาะฟีเจอร์ของระบบ i-Smart ที่มีการเพิ่มลูกเล่นให้เราได้สนุก โดยเฉพาะการเลือกใช้แอพพลิเคชั่น Wongnai ซึ่งผมก็ได้ลองค้นหาร้านอาหารซึ่งเป็นจุดรับประทานอาหารกลางวัน ระบบก็สามารถแสดงผลออกมาให้ทราบในเวลาไม่นานนัก ซึ่งข้อดีนอกจากบอกตำแหน่งและพิกัดแล้ว ก็ยังมีรายละเอียดต่างๆ เป็นภาพประกอบมาให้ ทั้งการรีวิวและราคาอาหารคร่าวๆ ให้เราได้ทราบอีกด้วย

อีกหนึ่งลูกเล่นที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือ ฟังก์ชันใช้งาน Online Music ในรูปแบบ Live Stream บนระบบคลาวด์ได้กว่า 1 ล้านเพลง แน่นอนว่ามันสามารถแก้ปัญหาเรื่องการฟังเพลงผ่านวิทยุ ซึ่งบางช่วงอาจมีสัญญาณไม่ชัดจนเสียอรรถรสในการฟัง หรือบางคลื่นอาจเปิดเพลงไม่ตรงกับสไตล์ความชอบของเรา ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ก็ช่วยตอบโจทย์การฟังเพลงของผมได้เป็นอย่างดีกับเพลงที่มีให้เลือกอยู่มากมายหลายแนวทีเดียว

ในส่วนของท่าทางการนั่ง ซึ่งมีผลต่อการขับในระยะทางไกลโดยตรง ภาพรวมนับว่าไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าเพราะทุกอย่างนั้นเหมือนเดิมทั้งหมด พนักพิงออกแบบให้รองรับกับสรีระรวมๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่ถึงขั้นโอบกระชับมากนักสำหรับคนร่างเล็ก ขณะเดียวกันก็ไม่อึดอัดสำหรับคนร่างท้วม ส่วนหมอนรองศีรษะค่อนข้างดันหัวไปสักนิด ตัวฐานเบาะมีความยาวไม่มากนัก ส่งผลให้คนที่ขายาวเนื่องจากใต้ท้องขานั้นล้นลอยออกมา อาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าได้เมื่อต้องขับระยะไกล

ส่วนการปรับตำแหน่งเบาะฝั่งคนขับสามารถปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง แต่อย่างไรก็ดีจุดเด่นที่ต้องชื่นชมคือ ระยะเฮดรูมค่อนข้างเหลือเยอะ ทำให้ผู้ขับรู้สึกว่าห้องโดยสารนั้นโปร่งโล่งสบายผ่อนคลายไม่อึดอัด ส่วนเบาะแถวหลังก็สามารถนั่งได้สบายเพราะพนักพิงเอนไปข้างหลังค่อนข้างเยอะ อีกทั้งระยะความห่างระหว่างเบาะแถวหลังกับเบาะคู่หน้ายังมีพื้นที่เหลือพอสมควร ทำให้ผู้โดยสารที่ขายาวไม่ต้องกังวลว่าหัวเข่าจะไปเบียดกับเบาะหน้า

เมื่อเข้าสู่ช่วงวังมะนาว-แก่งกระจาน-หัวหิน การจราจรเริ่มเบาบางลง ทำให้การขับทดสอบก็สามารถพิสูจน์สมรรถนะและพละกำลังเครื่องยนต์ได้อย่างสะดวก ซึ่งเครื่องยนต์-เกียร์นั้นยกมาจากเอสยูวีรุ่นพี่อย่าง ZS โดยสิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนคืออัตราเร่งในช่วงความเร็วลอยตัวสามารถตอบสนองได้ค่อนข้างดีทีเดียว โดยเฉพาะการเติมคันเร่งเพื่อขยับความเร็วนั้น สามารถทำได้รวดเร็วไม่ต้องรอรอบช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสนุกเร้าใจ อีกทั้งให้ความมั่นใจเมื่อต้องการเร่งแซง และองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยให้สมรรถนะโดดเด่นกว่าเดิม คือเกียร์และเฟืองท้ายที่ได้รับการเซ็ทใหม่ให้มีความเหมาะสมกับตัวรถ ตรงกันข้ามในช่วงจังหวะออกตัวจากจุดหยุดนิ่งอาจรู้สึกว่ารถดูหนืดๆ หน่วงๆ ไปสักนิด ซึ่งถ้าปรับปรุงจุดนี้ได้ก็จะยิ่งช่วยให้การขับขี่ลงตัวมากขึ้นแน่นอน

ส่วนรอบการทำงานของเครื่องยนต์ภายใต้ความเร็วเดินทางปกติ ช่วง 90 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 2,250 รอบ/นาที, 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 2,500 รอบ/นาที, 110 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 2,750 รอบ/นาที และ 120 กม./ชม. ใช้ความเร็วรอบ 3,000 รอบ/นาที ซึ่งเห็นชัดว่าใช้รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน โดยผลในเชิงเทคนิคถ้าอธิบายจากเกียร์ 4 จังหวะลูกนี้ เป็นไปได้ว่าเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟไม่สามารถปรับอัตราทดให้ต่ำกว่านี้ได้ ส่วนหนึ่งอิงจากกำลังหรือแรงบิดจากเครื่องยนต์มีไม่มากพอ หรือถ้าหากปรับอัตราทดของเกียร์ 3 ใหม่ ก็อาจส่งผลให้ช่องว่างอัตราทดของเกียร์ห่างเกินไปจนทำให้การทำงานของเกียร์ไม่ราบลื่นหรือต่อเนื่อง อีกหนึ่งจุดที่หลายคนอยากทราบก็คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการขับด้วยระยะทาง 240 กม. โดยการคำนวณเฉลี่ยผ่านจอบนรถอยู่ที่ 7.6 ลิตร/100 กม. หรือ 13.1 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าผลที่ได้ค่อนข้างดีทีเดียว

แน่นอนเมื่อใช้ความเร็วสิ่งที่ตามมาคือ ระบบช่วงล่างต้องมั่นใจได้ ซึ่ง MG3 ใหม่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยังคงคาแร็คเตอร์อันโดดเด่นไว้เช่นเดิม ทั้งความแน่นหนึบในทางโค้งและนิ่งมั่นคงบนทางตรงรวมทั้งช่วงจังหวะการเปลี่ยนเลนในช่วงความเร็วสูง แต่สิ่งที่รู้สึกแตกต่างไปในเชิงบวก คือมีความเฟิร์มมากขึ้นตรงกันข้ามก็ต้องแลกด้วยความนุ่มนวลที่ลดน้อยลง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ให้บนรูปแบบระบบช่วงล่างแบบเดิมนั่นเอง

ส่วนระบบเบรกคงสเปกแบบเดิม หน้าดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อนด้านหลังแบบดรัมเบรก ซึ่งนับเพียงพอเหมาะสมต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ แต่การทำงานบอกเลยคาลิเปอร์จับค่อนข้างไวและไม่ต้องกดแป้นเบรกลึกนัก หากผู้ขับที่ไม่คุ้นชินและเผลอกดแป้นลึกอาจมีหัวทิ่มหัวตำแน่นอน ฉะนั้นขอแนะนำว่าผู้ขับมือใหม่หรือเป็นเจ้าของรถหมาดๆ ควรสร้างความคุ้นเคยกับจังหวะการเบรกเพื่อความปลอดภัยครับ

MG3 ใหม่ มาพร้อมทางเลือก 5 สี เหลือง-ทิวดอร์ เยลโล่ (Tudor Yellow), แดง-รูบี เรด (Ruby Red), ฟ้า-มารีนา บลู (Marina Blue), ขาว-อาร์กติกไวท์ (Arctic White) และดำ-แบล็คไนท์ (Black Knight) ทำตลาด 4 รุ่นย่อย C 519,000 บาท, D 549,000 บาท, X Sunroof 589,000 บาท และ V Sunroof ราคา 629,000 บาท
สรุป : หลังจากได้สัมผัสกับเจ้า MG3 ใหม่ เป็นเวลาเกือบ 2 วัน บนระยะทางไป-กลับรวมเฉียดๆ 500 กม. เมื่อมองจากภาพรวมของโครงสร้างตัวถังและรูปลักษณ์ภายนอก ดูผิวเผินอาจไม่แตกต่างหรือสร้างความสดใหม่เพิ่มขึ้นไปจากรุ่นเดิมเท่าไรนัก แต่ทว่าในส่วนของขุมพลังและเกียร์กลับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เข้ามาเติมเต็มสมรรถนะการขับขี่ให้สนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น และเมื่อผสานระบบความปลอดภัยแบบครบๆ บรรจบกับฟีเจอร์แบบล้ำๆ มาพร้อมออฟชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่ติดตั้งมาให้แบบไม่กั๊ก ก็ยิ่งเสริมให้ MG3 ใหม่ มีความลงตัวและมีคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ภายใต้ราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย