Bridgestone Ecopia EP200 และ EP850

– เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2556 บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเปิดตัวยางรถใหม่ในตระกูล Ecopia พร้อมกัน 2 รุ่น คือ EP200 สำหรับรถยนต์นั่ง และ EP850 สำหรับรถ SUV และ ปิคอัพอเนกประสงค์ ซึ่งจุดเด่นของยางทั้ง 2 รุ่นนี้ คือ การประหยัดน้ำมัน, อายุการใช้งาน และให้ความปลอดภัยในการขับขี่มากกว่าเดิม ซึ่งได้จัดงานที่สวนเบญจกิติ  ข้างศูนย์สิริกิต์

Bridgestone Ecopia EP200 (สำหรับรถยนต์นั่ง)

มีจุดเด่นกว่ายางรถยนต์ทั่วไป ดังนี้

– ประหยัดน้ำมันมากกว่า บริดจสโตนพัฒนาเทคโนโลยี NANO PRO-TECH ที่ช่วยควบคุมโครงสร้างในระดับโมเลกุลภายในยาง เพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างโมเลกุล ช่วยลดความต้านทานการหมุนของยางและลดการสูญเสียพลังงาน

อัตราการปล่อยก๊าซคารบอดไดออกไซด์และการสิ้นเปลืองน้ำมัน

อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่ายาง TURANZA AR10 ถึง 11.1%*

อัตราการการสิ้นเปลืองน้ำมัน

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำกว่ายาง TURANZA AR10 ถึง 8.1%*

*ที่มา : สมาคมเทคโนโลยีการขนส่งทางรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Transport Technology Association)

– อายุการใช้งานยาวนานกว่า ยาง ECOPIA EP200 ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงของยางแบบ Horizontal Ground Contact ช่วยรักษารูปทรงบริเวณไหล่ยางและช่วยลดการสึกหรอผิดปกติของยาง

– ปลอดภัยในการขับขี่ยิ่งกว่า ดอกยางได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย

– High Stiffness Shoulder Block ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานและให้ประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่ โดยการจัดวางบล็อกดอกยางบริเวณไหล่ยางให้ได้สมดุลและแข็งแรง

– GUTT II Simulation Straight Grooves ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบร่องดอกยางให้มีการจัดวางตำแหน่งและความกว้างที่เหมาะสมช่วยลดการเกิดอาการเหินน้ำของยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– Leaf Block บล็อกดอกยางรูปทรงใบไม้ออกแบบด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้าเพื่อการยึดเกาะถนนเต็มประสิทธิภาพ

      1. High Angle Lug Groove ช่วยเพิ่มสมรรถนะบนถนนเปียก ด้วยร่องยางในลักษณะทำมุมสูงที่ช่วยควบคุมการเปลี่ยนรูปทรงของยางและเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน

     2. Reversed “Z” Block การออกแบบบล็อกดอกยางเป็นรูปทรงตัว Z แบบกลับด้าน ช่วยให้ยางสัมผัสผิวถนนได้อย่างเต็มที่

– Weight-Optimization คำนึงถึงความสมดุลของส่วนประกอบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความต้านทานการหมุนของยางโดยยังคงนึกถึงความคงทนในการใช้งาน

 Asmmetrical ECO Shape

การออกแบบโครงสร้างบริเวณแก้มยางที่แตกต่างกันระหว่างด้านในและด้านนอกแบบ Asymmetrical Eco Shape ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองการขับขี่ในทางตรง พร้อมทั้งช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก อันเนื่องมาจากผิวถนนไม่เรียบหรือขรุขระ และช่วยลดความต้านทานการหมุนของยาง

การเปรียบเทียบสมรรถนะการเบรก

เงื่อนไขในการทดสอบ :
รถยนต์ : Toyota Altis
ขนาดยาง : 195/65R15
ขนาดกระทะล้อ : 6.0 x15
ความดันลมยาง : 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

เหมาะสำหรับยานยนต์ อาทิ

Toyota : Camry, Prius, Altis, Vios, Yaris, Innova

Honda : Accord, Civic, City, Jazz, Freed, Brio, Brio Amaze

Chevrolet : Cruze, Aveo, Sonic

Ford : Focus, Fiesta

Nissan : Teana, Almera, March

Suzuki : Swift

———————————————————-

Bridgestone Ecopia EP850 (สำหรับรถ SUV และปิคอัพอเนกประสงค์ อาทิ)

– ประหยัดน้ำมันมากกว่า    ด้วยความต้านทานการหมุนของยางที่ต่ำของ ECOPIA จึงมีรอบการหมุนของล้อได้ดีขึ้น ซึ่งนั้นก็หมายถึงอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานที่ต่ำลงกว่ายางทั่วๆไป พูดได้ว่า ECOPIA สามารถช่วยประหยัดน้ำมันและรักษาสิ่งแวดล้อม

– อายุการใช้งานยาวนานกว่า   นอกจากจะเป็นยางที่พัฒนาให้มีความต้านทานการหมุนที่ต่ำ แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะในการเบรกที่ดีเยี่ยม อายุการใช้งานของยาง ECOPIA ก็ยังไม่น้อยกว่ายางทั่วๆ ไป ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยประหยัดเงินและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

– ปลอดภัยในการขับขี่ยิ่งกว่า  ถึงแม้จะเป็นยางที่มีความต้านทานการหมุนที่ต่ำ ECOPIA ก็ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการเบรกบนสภาพถนนเปียกได้ดีกว่ายางทั่วๆ ไป

อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่ายาง Dueler H/L 683 ถึง 3.0%*

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน

Ecopia EP850 เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากกว่า Dueler H/L 683 ถึง 3.9%*

ที่มา : สมาคมเทคโนโลยีการขนส่งทางรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Transport Technology Association)

 ECO-FRIENDLY SHAPE

รูปทรงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษของยาง ECOPIA ช่วยควบคุมการเปลี่ยนแปลงรูปทรงของยางในขณะขับขี่ ทำให้ความต้านทานการหมุนของยางลดลง

การออกแบบสำหรับรถ SUV โดยเฉพาะ

1. ดอกยางแบบ 3 มิติ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ที่นุ่มนวล

2. ร่องดอกยางแบบ Rib-linked ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนักและความต้านทานการหมุนของยางต่ำ

3. ส่วนผสมที่ลงตัวของช่องว่างดอกยางที่มีลักษณะสั้นและแคบ ช่วยลดเสียงที่เกิดจากการขับขี่

4. ร่องดอกยางที่วางตัวในลักษณะทำมุมสูง ช่วยในการกระจายพลังงานให้เท่ากันและควบคุมการเปลี่ยนรูปทรงของยางในขณะเบรก

5. การจัดวางขอบยางอย่างสมดุล ช่วยยืดอายุการใช้งาน

การเปรียบเทียบสมรรถนะการเบรก

เงื่อนไขในการทดสอบ :
รถยนต์ : Honda CR-V
ขนาดยาง : 225/65R17
ขนาดกระทะล้อ : 6.5 x 17
ความดันลมยาง : 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

เหมาะสำหรับรถ SUV และปิคอัพอเนกประสงค์ อาทิ

Toyota : Vigo, Fortuner

Honda : CRV

ISUZU : D-Max, MU-7

Mitsubishi : Triton, Pajero Sport

Chevrolet : Trailblazer, Captiva, Colorado

Ford : Ranger

Mazda : BT-50 Pro