แบตเตอรี่ VARTA มาตรฐานเยอรมัน…การันตีคุณภาพทั่วโลก

แบตเตอรี่ VARTA มาตรฐานเยอรมัน…การันตีคุณภาพทั่วโลก

หลายคนที่ใช้รถอยู่เป็นประจำ อาจทราบเพียงข้อมูลเบื้องต้นว่า ‘แบตเตอรี่รถยนต์’ มีหน้าที่แค่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ เช่น มอเตอร์สตาร์ท และระบบจุดระเบิดในขณะที่สตาร์ทรถยนต์เท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากนี้แบตเตอรี่ก็ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง เครื่องเสียง กระจก-เบาะไฟฟ้า รวมไปถึงจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก เช่น การชาร์จโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย

เห็นไหมล่ะครับว่าสารพัดประโยชน์จริงๆ แต่อย่างไรก็ตามยังมีบางคนเข้าใจผิดว่า แบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งที่จริงเป็นอุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าสำรอง ซึ่งนั่นหมายถึงว่าแบตเตอรี่ที่ดีและมีคุณภาพต้องเก็บไฟได้ยาวนาน มีความคงทน และต้องจ่ายไฟได้อย่างเสถียร เพื่อให้คุณสามารถใช้พลังในการสตาร์ทได้อย่างมั่นใจไปพร้อมๆ กับการขับขี่ภายใต้ประสิทธิภาพที่สูงสุด

VARTA แบตเตอรี่รถยนต์ระดับพรีเมียมสัญชาติเยอรมัน ผ่านการคิดค้นเทคโนโลยีมาแล้วกว่า 130 ปี นับเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากค่ายรถยนต์และผู้ใช้งานจริงทั่วโลก โดยได้รับความนิยมมากในโซนยุโรป และตอนนี้ VARTA กำลังเข้ามาตีตลาดในอาเซียน โดยเริ่มเข้ามาในแถบบ้านเราประมาณปี 2012 ซึ่งในการทางการตลาดถือว่ายังไม่ได้แนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักอย่างเป็นทางการบนพื้นที่สื่อเท่านั้น แต่ถ้าในมุมของกลุ่มผู้ใช้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับว่ามีคนรักรถเริ่มรู้จักและขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ VARTA นับเป็นแบตเตอรี่ที่คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของรถในยุคปัจจุบัน ที่มากมายด้วยนวัตกรรมที่ก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็วแบบตรงจุด และตอนนี้ VARTA พร้อมรุกหน้าลุยตลาดในประเทศไทยอย่างมั่นคงและเต็มกำลัง!

ที่ผ่านมา VARTA (วาร์ต้า) ได้มุ่งมั่นทุ่มเทพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสูงสุดต่อเนื่อง ภายใต้มาตรฐานระดับโลก ทำให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถืออย่างมากในวงการรถยนต์โซนยุโรป โดยมีการนำไปติดตั้งเป็น OEM ในรถยนต์ Premium จนถึง Super Car ระดับโลก เช่น Mercedes-Benz, BMW, AUDI, MINI, BENTLEY, FERRALI และ LAMBORGHINI ดังนั้น ‘VARTA’ ได้พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนถึงความเป็นผู้นำ ทั้งในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ

ในเมืองไทยแบตเตอรี่ VARTA ทำตลาดทั้งหมด 3 รุ่น คือ Silver, Blue และ Black โดยมีรุ่น Top สุด คือ Silver มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง ตอบโจทย์อย่างยิ่งกับยนตรกรรมในกลุ่ม Super Car ซึ่งมีการจำแนกออกเป็นเทคโนโลยี AGM และ EFB โดยทั้ง 2 รุ่น ซับพอร์ตรถ Super Car และรถที่ใช้เทคโนโลยี ISS ซึ่งยังไม่มีแบรนด์ใดในตลาดผลิตแบตเตอรี่ได้มีมาตรฐานเท่านี้มาก่อน

เทคโนโลยี AGM-Absorbent Glass Matt มีต้นกำเนิดมาจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตก้าวล้ำนำสมัยของเทคโนโลยียานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถในโซนยุโรปรุ่นใหม่ๆ ของ BMW, Mercedes-Benz, PORSCHE, AUDI และ BENTLEY เป็นแบตเตอรี่ที่ผลิตแผ่นกั้นด้วยเทคโนโลยี Micro glass-fibre separators แผ่นกั้นใยแก้วนี้มีคุณสมบัติดูดซับน้ำกรดได้เป็นอย่างดี มีลักษณะเหมือนสำลี กรณีแบตเตอรี่เกิดชำรุดแตก ก็ไม่ทำให้เกิดน้ำกรดไหลออกมาสร้างความเสียหายกับรถยนต์ นอกจากนี้ AGM ยังทนต่อการชาร์จกระแสไฟไม่และต้องชาร์จนาน อีกทั้งยังเก็บไฟที่ชาร์จมาที่แบตเตอรี่ได้ดี แถมยังจ่ายไฟได้คงที่ต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป ที่สำคัญยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย จึงเหมาะมากกับรถยนต์ที่มีฟังก์ชันเยอะ หรือรถที่มีระบบ ISS

เทคโนโลยี EFB-Enhanced Flooded Battery มีต้นกำเนิดผู้ผลิตที่ได้คิดค้นเทคโนโลยีในรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดพลังงานจากน้ำมันให้เปลี่ยนถ่ายไปที่พลังงานไฟฟ้าแทน เช่น ระบบ ISS หรือ Idle Start/Stop ซึ่งหลักการทำงานคือ เครื่องยนต์จะดับเมื่อรถจอดหรือหยุดนิ่งกับที่และเครื่องยนต์จะกลับมาทำงานอีกครั้ง เมื่อทำการปล่อยเบรกหรือเหยียบคันเร่ง การทำงานแบบนี้ทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานหนัก และยิ่งต้องแบกภาระหนักขณะที่เครื่องยนต์ดับ ที่สำคัญต้องมีการชาร์จไฟกลับที่เร็วมาก ซึ่งแบตเตอรี่ธรรมดาทั่วไป จะไม่สามารถรองรับการทำงานแบบนี้ได้ และอาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ได้ด้วยนะครับ ดังนั้น VARTA จึงมีแบตเตอรี่ชนิด EFB ที่เข้ามาช่วยซับพอร์ตเทคโนโลยีเหล่านี้ ให้มีประสิทธิภาพและเสถียร โดยสิ่งที่จะทำให้คุณมั่นใจมากขึ้น เพราะ VARTA มี PowerFrame ลิขสิทธิ์เฉพาะ VARTA เท่านั้น ซึ่งเป็นโครงกริดที่แข็งแรงมากกว่า จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

มั่นใจด้วยคุณภาพที่เหนือชั้น โดยแบตเตอรี่ของ VARTA มี PowerFrame ที่แข็งแรง ด้วยโครงกริดที่เป็นลิขสิทธิ์แท้เฉพาะของ VARTA เท่านั้น มีเจ้าแรกและเจ้าเดียวในโลก เป็นระบบการผลิตโครงสร้างของแผ่นธาตุในแบตเตอรี่ที่เชื่อมต่อเนื้อเฟรมโครงสร้างให้เป็นเนื้อเดียวกัน แก้ปัญหาของโครงกริดแบบเดิมๆ ที่มักทิ้งขอบที่แหลมคมจากการปั้มโครงกริดหรือแบบยืดโครงกริด (Expand Grid) ที่เป็นปัญหาของการช๊อตเซลล์ แตกต่างและเหนือกว่าโครงสร้างของโครงกริดแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง สร้างความแข็งแรงและลดระบบการกัดกร่อนถึง 66% และยังทำให้ระบบการจ่ายกระแสไฟได้ดีขึ้นและสม่ำเสมอและมีอายุการใช้งานที่ทนทานกว่า

นอกจากนี้แบตเตอรี่ VARTA ถือว่าได้ร่วมคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ ในรถยนต์ Super Car รวมถึงแบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลกด้วย เรียกว่าเทคโนโลยีต่างๆ ในรถยนต์มี VARTA อยู่เบื้องหลังในรถยนต์ชั้นนำหลายๆ แบรนด์ ที่สำคัญ VARTA ได้คิดค้นและพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ร่วมกับ Johnson Control ที่สามารถรองรับยานยนต์ที่มีฟังชั่นนี้รายแรกของโลก ทำให้รถยนต์ที่มีฟังชั่น Start/stop ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ต้องมีการจ่ายไฟที่รวดเร็วและเสถียร หากเป็นแบตเตอรี่ทั่วไปจะไม่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพเท่า VARTA

VARTA นับเป็นแบตเตอรี่ ที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน รองรับกับรถยนต์ทุกระดับ ตั้งแต่อีโคคาร์ไปจนถึระดับซูเปอร์คาร์ โดยมีการแบ่งประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับรถแต่ละประเภทอย่างสูงสุด

VARTA Silver Dynamic Series สำหรับกลุ่มรถหรู หรือ Supercar แบตเตอรี่รุ่นนี้นับว่าคุณภาพลงตัวที่สุด เป็นแบตเตอรี่ที่ตอบสนองกับรถยนต์ของคุณโดยเฉพาะ ให้พลังในการจ่ายไฟได้สูงสุดและมีความเสถียรสูง โดยรถที่มีระบบ ISS Idle Start/Stop ต้องเลือกกลุ่ม VARTA Silver EFB หรือ VARTA Silver AGM เท่านั้น รับรองว่าคุณอาจใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าปกติ ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว

VARTA Blue Dynamic Series เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีระบบอิเลกทรอนิกส์เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ และครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น ซันรูฟ เนวิเกเตอร์ บลูทูธ ครูสคอนโทรล ระบบความปลอดภัย-ระบบช่วยขับ ระบบอัตโนมัติต่างๆ นอกจากนี้รถยนต์มาตรฐานทั่วไปก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน ที่สำคัญยังรองการใช้งานได้ยาวนานกว่าปกติถึง 2 เท่า

VARTA Black Dynamic Series กลุ่มรถยนต์ทั่วไป ถึงแม้ไม่จำเป็นต้องเน้นการจ่ายไฟที่เยอะมาก แต่คุณภาพของแบตเตอรี่รุ่นนี้นับว่าคุ้มเกินราคา เพราะการจ่ายไฟที่เสถียรและยังใช้งานได้ยาวนานกว่า รวมถึงมีประสิทธิภาพกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปแน่นอน

VARTA แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงสัญชาติเยอรมัน นอกจากรองรับการใช้งานและตอบโจทย์ผู้ใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยังมอบความมั่นใจในการใช้งานด้วยการ **รับประกันถึง 12 เดือน สำหรับรุ่น Blue และ Black และ 18 เดือน สำหรับรุ่น Silver