อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในรถยนต์

โพสโดย : admin / วันที่ : 3 สิงหาคม 2012

อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในรถยนต์

ครั้งหนึ่งเราเคยได้อาศัยรถยนต์ทำหน้าที่เป็นยานพาหน ะ ในการรับ-ส่งผู้คนและสิ่งของต่างๆ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยความ รวดเร็วกว่าการใช้แรงงานจากสัตว์พาหนะ เท่านี้ก็เพียงพอกับความต้องการของผู้คนในยุคก่อน แต่ด้วยความต้องการของมนุษย์ที่ไม่มี วันสิ้นสุด ต่อให้มี ทรัพย์สินในครอบครองเป็นมูลค่ามหาศาลเพียงใดก็ตาม ทำให้วงการรถยนต์ต้องหาทางพัฒนาการตอบสนองความ ต้องการของมนุษย์ ให้มากขึ้น

ทุกวันนี้เราจะพบว่า ในความเป็นตัวตนของรถยนต์นั้น ไม่เพียงแต่จะอำนวยความสะดวกสบายในการใช้งานได้อย่าง มากมายช่วยย่น ระยะ เวลาในการเดินทางให้รวดเร็วขึ้น แถมยิ่งถ้าเป็นรถที่มีราคาแพง ยิ่งให้ความปลอดภัยในการใช้งานเป็นเลิศ เพราะสามารถบรรจุ นวัตกรรมที่ช่วย ให้การขับขี่อย่างปลอดภัยเสริมเข้ามาได้อย่างไม่อั้น สมกับราคารถ แต่ในความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ บนท้องถนน ทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียง รถยนต์สุดหรูหรา แล่นอยู่บนท้องถนนเพียงไม่กี่คัน แต่รอบตัวนั้นยังมีเพื่อนร่วมทางอีกนับสิบและมีเป็นพ ันรุ่น ที่แล่น กันอย่างขวักไขว่ ดังนั้นจึง ไม่มีทางเป็นไปได้ว่า รถยนต์หรูราคาแพงจะสามารถปกป้องให้ผู้ขับขี่หรือผู้โ ดยสารที่นั่งอยู่ได้อย่างปลอดภัย เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ หากมีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นรุนแรง

ทำอย่างไรถึงจะให้การใช้รถมีความปลอดภัยกันอย่างถ้วน หน้า ไม่ใช่เพียงแค่คนที่มีเงินซื้อรถราคาแพงอย่างเดียว และแม้แต่คนเดิน เท้าหรือขี่จักรยานอยู่บนท้องถนนก็ควรจะได้รับการปกป ้องด้วยเช่นกัน มาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์รุ่นใหม่ จึงได้ให้คะแนนการ ปกป้อง เพื่อนร่วมทางที่ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องโดยสาร หรือคนเดินเท้าเข้าไปด้วย มาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งที่สังคมจะต้องมีความรับผิดช อบ ร่วมกัน อย่าง น้อยก็มีตัวอย่างในหลายประเทศ ที่สามารถลดอัตราการบาดเจ็บและล้มตายของมนุษย์ที่เกิ ดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จาก ที่เคยอยู่ในอันดับต้นๆ ให้ลดต่ำลงไปอย่างน่าพอใจ และนั่นก็หมายถึงว่า คุณภาพของชีวิตของสังคมนั้นจะดีขึ้น

เมื่อศึกษาลึกลงไปก็จะพบว่า ไม่เพียงแต่จะให้รถยนต์มีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความ ปลอดภัยเสริมเข้าไปมากขึ้นเพียงใดก็ตามแต่ท้าย ที่สุดแล้ว พฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนของมนุษย์นี่แหละ จะมีส่วนช่วยลดสถิติที่น่าสะพรึงกลัวจากอุบัติเหตุได ้มากที่สุด ถ้าทรัพยากร มนุษย์ของประเทศ มีความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานของการขับขี่ยานพาหนะเป ็นอย่างดี สามารถใช้รถใช้ถนนร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักและเข้าใจในกฎแห่ง ความปลอดภัย อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่เสริมเข้ามาอาจจะแทบไม่มี ความจำเป็นต้องใช้ แต่กับประเทศที่ยัง ไม่มีความเข้มงวดกับมาตรการ เรื่องความปลอดภัย ยกตัวอย่างบ้านเรานี่แหละ น่าจะเป็นประเทศที่ต้องใช้รถยนต์ที่มีอุปกรณ์มาตรฐาน ความปลอดภัยสูงเป็นพิเศษ เพื่อที่จะให้ ตัวเลขความสูญเสียลดลงไปได้บ้าง

ลองมาดูปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงที่พบเห็นกันได้ทั่วไ ป อย่างการซื้อรถยนต์ในบ้านเราเป็นเรื่องที่ง่าย แค่มีเงินนิดหน่อยก็ซื้อได้แล้ว รถยนต์ รุ่นใหม่ที่มีขายในบ้านเราส่วนใหญ่มีอุปกรณ์เพื่อควา มปลอดภัยติดตั้งมาให้น้อยกว่าที่ขายในประเทศ ที่เข้มงวดกับกฎระเบียบ ด้านจราจร และ ยังมีราคารุ่นต่อรุ่นโดยเฉลี่ยแพงกว่า เพราะระบบการจัดเก็บภาษี คนไทยส่วนใหญ่ขับรถ”ได้” จากการเรียนรู้จากญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ผู้มี ประสบการณ์ หรือเป็นเอง ฯลฯ และส่วนน้อยจะขับรถ “เป็น” จากโรงเรียนหรือสถาบันฝึกอบรมที่มีหลักสูตรที่ได้ มาตรฐาน สิ่งแวดล้อมทาง สังคม ประเพณี และวัฒนธรรม ฯลฯ ทำให้คนไทยไม่ค่อยใส่ใจในเรื่อง “กฎแห่งความปลอดภัย” ที่ดูเหมือน เป็นสิ่ง “เล็กๆ น้อยๆ” และมองผ่าน ไป เช่น การขับขี่รถย้อนศร ขับขี่รถที่ไม่มีไฟท้าย เมาแล้วขับ ฯลฯ ระบบพรรคพวกเส้นสาย ญาติมิตร ตำแหน่งหน้าที่การงาน ทำให้บางคน ไม่สนใจกฎระเบียบของสังคม และจงใจฝ่าฝืนเป็นประจำ การจอดรถในที่ห้ามจอด การขับรถเร็ว ระดับที่เกินกฎหมายกำหนดถือเป็นเรื่อง ธรรมดา รถยนต์ในประเทศไทยสามารถตกแต่ง ดัดแปลงแก้ไขได้อย่างเสรี ทั้งๆ ที่มีกฎหมาย บัญญัติเป็นข้อห้ามเอาไว้ บ้านเราจึงมี “รถซิ่ง” เยอะมาก สำนึกในการใช้รถใช้ถนนไม่ค่อยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือให้อภัยกันง่ายๆ แต่กลับชอบ ที่จะเอาเปรียบคนอื่น ถ้ามีโอกาสทำได้ จุดที่อันตราย ที่สุดสำหรับคนเดินเท้ามักจะเป็นตรงทางม้าลาย เชื่อถือในสิ่งที่เป็นโชคลาง อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ ฯลฯ มากกว่าความมั่นใจในตัวเอง

จากเหตุและผลหลายข้อที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพ ก็พอจะมองออกว่า รถที่พวกเราใช้กันอยู่ หรือวางขายกันอยู่ในปัจจุบัน น่าจะมีอะไร ให้ มากกว่าชนชาติอื่นเป็นพิเศษ…อย่างนั้นหรือเปล่า? ไม่ใช่มีเพียง อวทม. ที่เต็นท์เอาไว้เพิ่มราคาค่าตัวรถเวลาตั้งขายให้ลูกค ้า ABS หรือระบบป้องกันล้อล็อกตายเวลาเหยียบเบรกอย่างกะทันห ัน เมื่อล้อไม่ล็อก เรายังมีโอกาสหักพวงมาลัยเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวางได้ทัน แต่ถ้าไม่มีเจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี้ละก็ เวลาเหยียบเบรกเต็มแรง ล้อรถจะถูกล็อกตายทั้งหน้า-หลัง แล้วก็พุ่งทื่อไปตามทิศทางที่รถแล่นมา ถ้า วินาทีนั้นมีอะไรขวางอยู่ข้างหน้า และเราต้องการจะหมุนพวงมาลัยเพื่อหักหลบ ล้อหน้ามันจะหันเลี้ยวไปตามพวงมาลัยอยู่เหมือนกัน แต่ล้อรถที่ถูกล็อกตายจะไม่เกิดผลใดๆ ต่อการบังคับเลี้ยว ตัวรถจึงพุ่งทื่อเข้าใส่สิ่งกีดขวางเข้าจังๆ ได้

ปัจจุบัน ABS ได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาเป็นระบบควบคุมการทำงานของล้อรถ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้งานได้สูงขึ้น จาก ABS ก็ได้พัฒนาขึ้นมาเป็น Traction Control – TRC คือเอาไว้ควบคุมการหมุนฟรีของล้อขับเคลื่อนของรถ ขณะที่เร่งออกตัวอย่างแรง มันจะช่วยดึงรอบเครื่องให้ลดลง พร้อมกันนั้นก็จะสั่งให้เบรกทำงานชะลอความเร็วของล้อ ที่หมุนฟรี เพื่อให้ล้อขับทั้งคู่ทำงานด้วยแรงบิด ที่ใกล้เคียงกัน และไม่มากจนเกินไปจนล้อหมุนฟรีได้อีก คราวนี้ตัวรถก็จะเคลื่อนที่ออกตัวไปได้อย่างราบเรียบ ไม่มีอาการปัดเป๋ แม้ว่าพื้นผิว ถนนจะเคลือบไว้ด้วยโคลนลื่นๆ

ในช่วงปี 1995 Bosch แห่งเยอรมนี เจ้าตำรับผู้คิดค้นระบบเบรก ABS และ TRC ก็ได้พัฒนาต่อยอดการทำงานของล้อรถขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มีการรวมเอาฟังก์ชันทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน และเพิ่มการทำงานใหม่ขึ้นมา เพื่อให้ระบบนี้สามารถช่วยรักษาการ ทรงตัวของรถขณะเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เรียกว่า Stability Control แต่ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า ESP ซึ่งมาจากคำว่า Electronic Stability Program หรือ VSC – Vehicle Stability Control และชื่ออื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี้จะทำหน้าที่เป็นตัวรักษาการทรงต ัวของรถขณะเข้าโค้งเป็นหลัก

การทำงานของระบบรักษาการทรงตัว จะอาศัยการตรวจจับองศาการหมุนพวงมาลัยขณะเข้าโค้ง และนำไปเปรียบเทียบทิศทางของ รถที่ถูกบังคับเลี้ยวว่าเป็นไปตามที่พวงมาลัยถูกบังค ับหรือไม่ โดยมี Yaw Sensor ทำหน้าที่ตรวจเช็กจับอาการของรถอยู่ ถ้ามีอาการผิด ปกติ คือตัวรถไม่ได้เลี้ยวไปตามทิศทางการบังคับของพวงมาลั ย เช่น หน้ารถทำท่าจะดื้อไม่ยอมเข้าโค้งที่เรียกว่าอาการอัน เดอร์สเตียร์ ระบบ ESP จะสั่งให้มีการใช้เบรกที่ล้อใดล้อหนึ่ง อย่างในกรณีนี้จะมีการใช้เบรกที่ล้อหลังด้านในโค้ง เพื่อให้เกิดอาการเหมือนกับเป็น จุดหมุนของตัวรถ และน้ำหนักส่วนหน้าของตัวรถจะเกิดแรงเหวี่ยงกลับเข้า หาด้านในโค้งได้ในที่สุด และระบบก็จะยกเลิกการทำงาน เมื่อรถกลับเข้าสู่แนวบังคับของพวงมาลัยเรียบร้อย

ในทางตรงกันข้าม กรณีที่ตัวรถเกิดอาการโอเวอร์สเตียร์ขณะเข้าโค้ง คือมีอาการท้ายรถถูกเหวี่ยงออกนอกโค้งอย่างแรงและจะห ลุด ออกนอกทาง จะมีการจ่ายแรงเบรกไปที่ล้อหน้าด้านนอกโค้ง เพื่อลดแรงเหวี่ยงที่ท้ายรถ และดึงรถกลับเข้าสู่ทิศทางการบังคับเลี้ยวของ พวงมาลัย แบบนี้เป็นต้น อย่างไรก็ตามลักษณะการบังคับใช้เบรกที่ล้อใดล้อหนึ่ง ตามที่ยกตัวอย่างมา จะขึ้นอยู่กับการควบคุมของระบบ ESP ที่อาศัยข้อมูลทั้งจากการหันเลี้ยวของตัวรถ และความเร็วของล้อแต่ละล้อควบคู่กันไปด้วย เพื่อผลในการบังคับรถไม่ให้หลุดออกนอก แนวทิศทางการบังคับของพวงมาลัยเป็นหลัก

ปัจจุบันอุปกรณ์ตัวช่วยดีๆ อย่าง ESP เพิ่งจะมีติดตั้งอยู่ในรถใหม่ ทั้งปิกอัพและรถเก๋งที่วางขายในบ้านเราเพียงแค่ 2% พอๆ กับ TRC แต่ถ้าใส่ ABS มาให้แล้วถึง 52% และลองเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ติดตั้ง ESPมาให้แล้ว 26%, ABS-87% ถือว่ายังห่างไกลโข ยิ่งเทียบกับยุโรปและสหรัฐที่มีตัวเลข ESP = 46% และ 47%, ABS = 88%, 94% ตามลำดับ ก็ต้องบอกว่างานนี้รถบ้านเราขายแพง แต่อุปกรณ์ไม่ค่อยจะครบ น่าจะใกล้ความจริง ก็คงต้องรอมาตรการภาคบังคับจากรัฐบาลที่จะเห็นความจำ เป็นของระบบความปลอดภัย ที่ทันสมัยเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแค่เห็นเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้วจ้อ งแต่จะคิดภาษีเพิ่มกันลูกเดียว ราคาตัวรถมันก็จะพุ่ง สูงขึ้นจนเกินตัว แล้วชาวบ้านเค้าก็เลยไม่สนใจจะให้ติดมากับรถด้วย ทั้งๆ ที่ปัจจุบันราคาของอุปกรณ์เหล่านี้ถูกลงกว่าแต่ก่อนม าก อาจจะ พอๆ กับราคาล้อแม็กงามๆ สักชุดเท่านั้น แต่คุณค่าของมันห่างไกลกันเยอะมาก และจะมีส่วนช่วยลดอุบัติภัยบนท้องถนนลงได้อีกมาก ต้องฝากให้ผู้เกี่ยวข้องลองพิจารณากันดู

ขอขอบคุณข้อมูล www.hondaloverclub.com


สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด