เปิดตัว BYD Denza N7 ในเดือนมิถุนายน วิ่งได้ไกลถึง 700 กม.

BYD Denza N7 เปิดตัวในเดือนมิถุนายน พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จระหว่างรถยนต์และการสนับสนุน HarmonyOS ของ Huawei

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม บริษัทประกาศว่ารถ SUV ไฟฟ้า BYD Denza N7 จะเปิดตัวในปลายเดือนมิถุนายนและเริ่มส่งมอบในปลายเดือนกรกฎาคม N7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันที่สองจาก Denza ซึ่งเป็นแบรนด์ NEV ระดับพรีเมียมภายใต้ BYD

BYD Denza N7 เปิดตัวในเดือนเมษายน พร้อมกับยอดจอง 10,569 คันภายในเจ็ดวัน

BYD Denza N7 เป็นรถยนต์ 5 ที่นั่งที่ใช้แพลตฟอร์ม e-platform 3.0 ของ BYD และมีขนาดตัวถัง 4,860 × 1,935 × 1,602 มม. และระยะฐานล้อ 2,940 มม. มีขนาดอยู่ระหว่าง BMW X4 และ BMW X6 น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 2,280 – 2,440 กก.

BYD Denza N7 มาในรูปแบบ RWD (ขับเคลื่อนล้อหลัง) และ 4WD (ขับเคลื่อน 4 ล้อ)

โดยรุ่น RWD มีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่มีกำลัง 230 กิโลวัตต์ (313 แรงม้า) และรุ่น 4WD เพิ่มมอเตอร์ด้านหน้าที่มีกำลัง 160 กิโลวัตต์ รวมกำลังขับสูงสุดที่ 390 กิโลวัตต์ (523 แรงม้า)

BYD Denza N7 จะมีแบตเตอรี่เพียงตัวเลือกเดียวคือ 91.39 kWh ในรุ่น RWD จะวิ่งได้ 702 กม.ตามมาตรฐาน CLTC และในรุ่น 4WD จะวิ่งได้ 630 กม.ตามมาตรฐาน CLTC

แบตเตอรี่ใช้งานภายใต้สถาปัตยกรรม CTB (cell-to-body) สามารถชาร์จได้ 350 กม. ใน 15 นาที และ 100 กม. ใน 4 นาที เมื่อใช้การชาร์จแบบ Dual charging (การชาร์จแบบคู่) หมายถึงการเสียบสายชาร์จสองเส้นเข้ากับรถคันเดียวได้

ในช่วง Brand Day Denza ได้เน้นย้ำถึงฟีเจอร์เทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย BYD Denza N7 มีระบบปฏิบัติการของตัวเอง และจะรองรับการอัปเดต HarmonyOS และ OTA ของ Huawei และติดตั้งระบบกันสะเทือน DiSus-A ของ BYD

นอกจากนี้ยังติดตั้ง iADC (ระบบควบคุมการดริฟท์) และ iCVC (ระบบควบคุมเวกเตอร์) Denza ยังประกาศว่าฟีเจอร์ ADAS เพิ่มเติมจะพร้อมใช้งานในเดือนธันวาคมผ่าน OTA ฟรี ไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิก

นอกจากนี้ Denza ยังจะเปิดตัวการสนับสนุนการชาร์จ DC แบบรถยนต์สู่รถยนต์ (V2V) เพื่อให้สามารถชาร์จรถยนต์คันอื่นด้วย N7 ของคุณ โดย CEO ของ Denza อ้างว่าความเร็วในการชาร์จอาจสูงถึง 60 กิโลวัตต์

ภายในมีหน้าจอ 6 หน้าจอ รวมถึงแผงหน้าปัด หน้าจอควบคุมขนาดใหญ่ตรงกลาง และหน้าจอเฉพาะสำหรับที่นั่งข้างคนขับ นอกจากนี้ยังมี AR-HUD

Denza เป็นบริษัทร่วมทุนเดิมระหว่าง Mercedes-Benz และ BYD ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2553 ด้วยส่วนแบ่ง 50:50 ในปี 2021 Mercedes-Benz ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 10% และ BYD จึงเข้ามากุมชะตาของแบรนด์แทน