FORD RANGER กระบะ เพื่อพิชิตทุกการใช้งาน และการผจญภัย สมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” กับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ดินแดนแอฟริกาใต้
FORD MOTOR COMPANY นำคณะสื่อมวลชนจาก ประเทศไทย ซาอุดิอาระเบีย เคนย่า และตูนีเซีย ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ FORD RANGER ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิต Ford Ranger แห่งสำคัญของ FORD รถกระบะของ Ford เป็นที่ไว้วางใจสำหรับการลุยงานหนักและดำเนินธุรกิจทั่วโลกมาแล้วกว่า 100 ปี และเป็นหนึ่งในรถระดับตำนานอันโดดเด่น
Ford ได้พัฒนารถกระบะมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาและประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน จากการรับฟังความคิดเห็นของเจ้าของรถ และนำมาพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อปรับปรุงศักยภาพในการใช้งาน นวัตกรรมเหล่านี้เองที่ทำให้รถกระบะ Ford ในปัจจุบันมีความสามารถในการลากจูงที่เหนือกว่า เครื่องยนต์อันล้ำสมัยที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ไปจนถึงเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่ช่วยให้ขับขี่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
คุณสมบัติทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน Ford Ranger ที่มาพร้อมกับขุมพลังอัจฉริยะประสิทธิภาพสูง มอบสมรรถนะอันทรงพลัง รวมถึงการตอบสนองที่เหนือกว่า และประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ Ford Ranger ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม
Ford Ranger รถกระบะคุณภาพเยี่ยมที่การันตีโดยรางวัลมากมาย ได้รับการออกแบบ ผ่านการทดสอบ และสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานที่เหมาะสำหรับแต่ละภูมิภาค โดยมีฐานการผลิตสำหรับการจำหน่าย และส่งออกไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ ไทย อาร์เจนติน่า และสหรัฐอเมริกา
ด้วยยอดขายที่สูงเป็นประวัติกาลมานานนับสิบปี Ford Ranger สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถกระบะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่เสมอ ด้วยการผสมผสานความแกร่ง สมรรถนะ เทคโนโลยีอัจฉริยะ การใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และดีไซน์อันโดดเด่น
ปี พ.ศ.2561 เป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของเรนเจอร์ในภูมิภาค ด้วยยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และประเทศไทย โดยในปัจจุบัน Ford Ranger มีส่วนแบ่งตลาดเป็นลำดับที่ 3 ในตลาดรถกระบะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากในประเทศไทย นอกจากนี้ Ranger ยังเป็นรถกระบะรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ และเวียดนามอีกด้วย
Ford Ranger เป็นรถกระบะที่มีศักยภาพมากมายที่สามารถสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งหลายประเทศในกลุ่มนี้กำลังเติบโตอย่างมาก ในหลายภาคส่วน เนื่องจากเป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนและมีความหลากหลายยิ่งขึ้น และด้วยภูมิประเทศที่แห้งแล้งปกคลุมด้วยทะเลทรายและอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ซาอุดีอาระเบียจึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่จำเป็นต้องมีรถกระบะที่แกร่ง วางใจได้ และออกแบบมาเพื่อเผชิญกับทุกสภาพแวดล้อมและอากาศอันแสนทรหดในแต่ละปี
รถกระบะ Ford Ranger ถูกสร้างมาเพื่อความทนทาน ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ไว้วางใจได้ ตลอดอายุการใช้งาน และผ่านการพิสูจน์ในสภาพภูมิประเทศที่ทรหดและสภาพอากาศอันเลวร้ายมาแล้ว ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรป ประเทศไทย แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา
จึงไม่น่าแปลกใจที่ Ford Ranger จะเป็นหนึ่งในรถกระบะที่ขายที่ที่สุดในแอฟริกาใต้ และครองตลาดรถกระบะ 4 ประตู ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้ Ranger ยังเป็นรถรุ่นที่ส่งออกสูงที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแอฟริกาใต้ และครองอันดับหนึ่งด้านการส่งออกในกลุ่มรถบรรทุกขนาดเล็ก (LCV) และครองตำแหน่งรถกระบะที่ขายดีที่สุดในยุโรป
Ford Ranger ผลิตจากโรงงาน 4 แห่งทั่วโลก ได้แก่ จังหวัดระยอง ประเทศไทย เมืองซิลเวอร์ตัน ประเทศแอฟริกาใต้ เมืองปาเชโก ประเทศอาร์เจนติน่า และเมืองเวยน์ มลรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา
เรนเจอร์ในประเทศแอฟริกาใต้
Ford มีโรงงานในประเทศแอฟริกาใต้จำนวน 2 แห่ง คือ โรงงานซิลเวอร์ตัน ซึ่งเป็นโรงงานประกอบ Ford Ranger ซึ่งตั้งอยู่ในเขตซิลเวอร์ตัน กรุงพริทอเรีย และโรงงานสตรูเอนเดล โรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับนำไปประกอบภายในประเทศและส่งออก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองพอร์ต เอลิซาเบท
ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ลงทุนในด้านการดำเนินธุรกิจภายในประเทศแอฟริกาใต้ไปแล้วกว่า 1.1 หมื่นล้านแอฟริกันแรนด์ หรือกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีการตั้งฐานการผลิตที่มีกำลังการผลิต Ford Ranger และ Ford Everest ที่สูงที่สุดของ Ford
“ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการดำเนินการผลิตของ Ford ในแอฟริกาใต้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง” มร. นีล ฮิล กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ภาคพื้นตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา ทวีปแอฟริกา กล่าว “เราได้พัฒนาจากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์หลายรุ่นที่ผลิตในปริมาณไม่สูงมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดภายในประเทศ มาเป็นผู้ผลิตรถยนต์แบบแพลตฟอร์มเดียวที่ผลิตรถยนต์ในปริมาณสูง ซึ่งผลิต Ranger เพื่อการส่งออกไปยัง 148 ประเทศทั่วโลก”
“Ranger กระบะคุณภาพสูงที่มีรางวัลการันตี เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้ ซึ่งความต้องการในตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนาและยกระดับโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตตลอดหลายปีที่ผ่านมา” มร. ฮิล กล่าวเสริม “จากเดิมที่เรามีกำลังการผลิตรถยนต์ที่ 110,000 คัน เมื่อเริ่มผลิตเรนเจอร์รุ่นใหม่ในปี พ.ศ. 2544 ปัจจุบัน เรามีกำลังการผลิตรถยนต์สูงถึง 168,000 คันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต”
การลงทุนในสายการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2552 ด้วยการพลิกโฉมโรงงานที่ผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งประกอบด้วยโรงงานซิลเวอร์ตัน กรุงพริทอเรีย และโรงงานผลิตเครื่องยนต์สตรูเอนเดลในเมืองพอร์ต เอลิซาเบท ให้กลายเป็นโรงงานแพลตฟอร์มเดียวที่มีกำลังการผลิตสูง เพื่อรองรับการผลิตเรนเจอร์รุ่นใหม่ผู้นำตลาดรถกระบะ และเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์คและเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ
ในปี พ.ศ.2559 ฟอร์ดลงทุนเพื่อขยายการผลิตเรนเจอร์ และเพื่อการประกอบรถอเนกประสงค์เหนือระดับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สำหรับตลาดภายในประเทศแอฟริกาใต้ และเพื่อส่งออกไปยังตลาดประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราด้วย
Ford Everest รุ่นประกอบในประเทศแอฟริกาใต้ มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากเดิมเพียง 2 รุ่นและยังต้องนำเข้าจากประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 8 รุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นนี้ นอกจากนี้ การดำเนินการผลิตภายในประเทศยังช่วยให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกราว 1,200 ตำแหน่งที่ฟอร์ด ประเทศแอฟริกาใต้ และภายในกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้ผลิตจัดหาสินค้าอีกด้วย
“เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ Ford เป็นบริษัทที่มีการจ้างงานสูงที่สุดในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 4,100 คนในประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานทางอ้อมอีกประมาณ 40,000 ตำแหน่ง ตลอดห่วงโซ่การผลิต” มร. ฮิล กล่าวเสริม
ในปี พ.ศ.2560 ได้มีการประกาศอัดฉีดเงินทุนครั้งใหญ่อีกครั้งในการผลิตรถ Ford ภายในประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิตรถยนต์ได้ถึง 168,000 คันต่อปี
“การลงทุนอย่างต่อเนื่องและการยกระดับโรงงานของเราถือเป็นการสร้างความมั่นใจว่า Ford มีความพร้อมในการรองรับความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ที่มาพร้อมกับโอกาสการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย” มร. นีล กล่าวสรุป
โรงงานผลิตเครื่องยนต์สตรูเอนเดล
Ford เริ่มธุรกิจในเมืองพอร์ต เอลิซาเบท ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 โดยได้ก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์สตรูเอนเดลในปี พ.ศ.2507 ซึ่งปัจจุบันมีสายการผลิตเครื่องยนต์ 2 กลุ่มด้วยกัน คือ สายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตรรุ่นใหม่ และ สายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 ลิตร และ 3.2 ลิตร
สายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์คเริ่มต้นในปี พ.ศ.2554 เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถ Ford Ranger โดยนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส และบราซิล และนำมาผลิตที่โรงงานนี้ ก่อนที่จะนำไปประกอบและส่งต่อไปยังโรงงานที่เมืองซิลเวอร์ตันเพื่อประกอบ Ranger หรือ Everest หรือส่งไปยังเมืองแคนซัสซิตี้ สหรัฐอเมริกา เพื่อนำไปติดตั้งในรถตู้รุ่นทรานสิท นอกจากนี้ โรงงานสตรูเอนเดลยังส่งออกเครื่องยนต์ที่ประกอบเรียบร้อยแล้วไปยังประเทศรัสเซีย ตุรกี และอิตาลี
นอกจากนี้ โรงงานนี้ยังผลิตและส่งชิ้นส่วนเครื่องยนต์ (ฝาสูบ เสื้อสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง) ไปยังโรงงาน Ford ในประเทศไทยและอาร์เจนตินา โดยในหนึ่งวัน โรงงานนนี้สามารถประกอบเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 ลิตร ได้ประมาณ 410 เครื่อง และผลิตชุดส่วนประกอบเครื่องยนต์ได้ประมาณ 850 ชิ้นต่อวัน
กำลังการผลิตของสายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 ลิตร เพิ่มขึ้นจากเดิมที่สามารถผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ (ฝาสูบ เสื้อสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง) ได้ 220,000 ชุดในปี พ.ศ.2554 เป็น 280,000 ชุดในปี พ.ศ.2561 และมีกำลังการผลิตเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจาก 75,000 เครื่องต่อปี เป็น 130,000 เครื่องต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน
สายการผลิตเครื่องยนต์สายที่ 2 เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในโรงงานซิลเวอร์ตันและสตรูเอนเดลในปี พ.ศ.2559 ด้วยวงเงิน 3 พันล้านแอฟริกันแรนด์ หรือราว 6 พันล้านบาท โดยการก่อสร้างโรงประกอบใหม่นี้เริ่มต้นในปี พ.ศ.2560 และผลิตเครื่องยนต์เครื่องแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2561 และนับแต่นั้น พนักงานโรงงานแห่งนี้ได้ประกอบเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ทั้งแบบเทอร์โบคู่และเทอร์โบเดี่ยว แล้วเกือบ 52,000 เครื่อง
โรงงานสตรูเอนเดลใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากโรงงาน Ford เมืองดาเกนแฮม ประเทศอังกฤษ และใช้ระบบอัตโนมัติในสายการผลิตย่อยสำหรับการผลิตฝาสูบ โดยมีพนักงานทักษะสูงประจำการอยู่ที่สายการผลิตและใช้กล้องเทคโนโลยีสูง และระบบตรวจสอบสแกน เพื่อกำจัดข้อผิดพลาดในสายการผลิต
จากการทำงาน 2 กะต่อวัน และ 5 วันต่อสัปดาห์ ทีมงานสามารถประกอบเครื่องยนต์ได้มากถึง 320 เครื่องต่อวัน ในส่วนของกำลังการผลิตของสายการประกอบเครื่องยนต์รุ่นใหม่อยู่ที่ 120,000 เครื่องต่อปี ส่งผลให้โรงงาน ณ เมืองพอร์ต เอลิซาเบท มีกำลังการผลิตเครื่องยนต์ทุกรุ่นได้สูงสุดถึง 250,000 เครื่องต่อปี
ในส่วนกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนของ Ford มีการตรวจสอบควบคุมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ มีการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยละเอียดตามมาตรฐานระดับโลกของ Ford ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " FORD RANGER กระบะ เพื่อพิชิตทุกการใช้งาน และการผจญภัย สมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” กับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ดินแดนแอฟริกาใต้ "