รีวิว Proton Exora Turbo อเนกประสงค์สไตล์สปอร์ตแบบครอบครัว

รีวิว Proton Exora Turbo อเนกประสงค์สไตล์สปอร์ตแบบครอบครัว

สวัสดีครับ วันนี้ทีมงาน 9carthai ได้มีโอกาส รีวิว Proton Exora Turbo กันนะครับซึงเจ้า Proton Exora Turbo นัน ถูกพัฒนามาจาก Proton Exora โดยมีการปรับแต่งโฉมกันนิดหน่อยให้มีลักษณะทันยุคสมัยมากขึ้นทั้งหน้าตาภายนอก และ เทคโนโลยี ภายในรถ เพราะเป็นรถอเนกประสงค์ ต้องมีกิจกรรมเผื่อคนนั่งจะได้ไม่เบือกัน อาจจะเป็นเรืองดูหนัง ฟังเพลง หรือจะนอนเล่นสบายๆกันไป ด้วยความต้องการหลากหลายของผู้ที่จะซื้อ รถครอบครัวสักทีก็ต้องอยากได้สิ่งที่ตอบแทนมาคุ้มค่าคุ้มราคากันทั้ง ความประหยัดน้ำมัน สมรรถภาพในการขับขี่ แล้ว Proton ก็กลับแดนมาเลเซียไปทำการบ้านแล้วส่งเจ้า Proton Exora Turbo มาตอบรับทุกคำถามด้วยการเพิ่ม มูลค่าของรถ แต่ราคามิตรภาพเหมือนเดิม จนทำให้ยอดขายแซงคู่แข่งในระดับเดียวกันไปแล้ว

ว่าด้วยค่าตัว Proton Exora Turbo กันก่อนเลย

มิติของตัวรถ

Exora Turbo มีความยาว 4,592 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,809 มิลลิเมตร ความสูง 1,691 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,730 มิลลิเมตร ไซส์ไม่ใหญ่เกินไปออกแบบรถครอบครัวอย่างนี้ทำให้ดูเป็นรถครอบครัวขนาดเล็ก ราคากระทัดรัดไปเลย แต่ก็ใช่ว่าภายในจะแคบไปด้วยนะ ภายในก็ยังมีพื้นที่ให้ขยับกันอย่างไม่ลำบากน้ำหนัก 1,486 กิโลกรัม ตัวรถมีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายไม่ต่างจากรถเก๋งเลย อุ่นใจด้วยหน้ายางที่เพิ่มมากขึน 205 ช่วยเสริมสรรถนะและความมั่นใจในการเกาะถนนได้เป็นอย่างดี

Proton Exora 1.6 Turbo Highline เป็นรถทีได้รับมาทำการ รีวิว ครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัว top สุด (Prime) แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันทัง สมรรถนะและลูกเล่น เท่าที่เห็นมาตัว Prime ก็จะมีการตกแต่งลายไม้หรูๆบริเวณคอนโซลหน้า, จอทีวีบริเวณด้านหลังพนักพิงหัวของเบาะหน้า เท่านั้น

ภายนอกส่วนหน้า

ภายนอกออกแบบสะดุดตาด้วยชุดสเกิร์ตตกแต่งทุกด้าน ดูสปอร์ต ลงตัวอย่างโฉบเฉี่ยวยังเอาสีแดงมาทำตลาดทำให้รู้สึกร้อนแรงสุดๆ มาพร้อมล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าขนาดใหญ่แบบสปอร์ต ไฟตัดหมอกในโครงดำทันสมัยกับตลาดนิยมตอนนี คิ้วโครเมียมเส้นเดียวขนาดไม่ใหญ่ลากยาวซ้ายถึงขวาแตะหัวตรา Proton ด้านบนไปหน่อยตกแต่งกระจังหน้าได้ไม่เลวร้าย กระจังหน้าด้านบนเป็นตะแกรงดำ เช่นเดียวกันกับตะแกรงด้านล่าง แต่กันชนด้านล่างริมซ้ายและขวาเป็นตะแกรงแบบรังผึ้งนะสวยเชียว ทรงกันชนหน้าออกแบบใหม่มีเว้ามีเหลี่ยมมากขึน จัดชุดแต่งมาให้กันตั้งแต่เกิดเลย ซือไปก็ไม่ต้องทำไร ยืนข้างๆรถแล้วเก๊กหล่ออย่างเดียว “เกิด” แน่นอน

ล้อแม็กซ์ทัง 4 เล่นความถี่ระหว่างในก้าน กับ นอกก้าน ดูแล้วเหมือนดาว 5 แฉกสวยขึน ไปอีกแบบซุ้มโป่งล้อดึงขยายขึ้นให้อารมณ์สปอร์ตเต็มคราบ รถจึงดูใหญ่ขึนเล็กน้อยแต่ไม่เทอะทะ

การเปิดกระโปรงหน้าเปิดจากด้านหน้าสุด ยืนชิดหน้ารถแล้วกดปลดล็อคแล้วยกได้เลย ตัวค้ำกระโปรงหน้าอยู่ที่มุมบนด้านซ้ายนะ ต่างจาก Preve หน่อย

ภายนอกส่วนกลาง

กระจกมองข้างมาพร้อมกับไฟเลี้ยว LED สามารถปรับไฟฟ้าในทุกรุ่นและพับไฟฟ้าได้ในรุ่น Highline และ Prime

ลายเส้นข้างรถออกแบบรับมุมกับมือจับเปิดประตูพอดี แต่ลายเส้นให้ความยาวเหมือนจะให้มาน้อยไป ส่วนตัวรู้สึกยังคงให้ความสปอร์ตได้มากกว่านี้อีกหน่อย กระจกหน้าเลื่อนลงมาได้สุดอยู่แล้ว

แต่กระจกหลังเลื่อนลงมาได้เกือบสุด เหลืออีกหน่อยนึงเท่านัน มือจับเปิดประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถ และ เสาอากาศอยู่กลางหลังคาด้านหน้าเลย

ภายนอกส่วนท้าย

เด่น ดุ สะดุดตาอย่างแน่นอนกับไฟท้ายรมดำ LED รมดำมาแต่เกิด เพิ่มความดุดันสุดๆ ทรงไฟเป็นแนวยาวเรียงกันไฟเลี้ยว ไฟเบรค ไฟถอย จากบนลงล่าง บริเวณกระจกกลางด้านบนมีไฟเบรคดวงที 3 ถัดไปด้านบนสุดจะมีสปอยเลอร์หลังโฉบเฉียวเล็กน้อย ด้านซ้ายมีเพลท CFE ติดอยู่บ่งบอกเครื่องยนต์ทใช้ ด้านขวาติดเพลท Exora ตามชื่อรุ่น ตรงกลางเป็นโลโก้ โปรตอน ซึ่งใต้ระดับ 3 เพลทรับด้วยโครเมียมเงาชิน โตคาดยาวเป็นขอบรับไว้จากไฟท้ายด้านนึงถึงด้านนึงรับมุมขอบไฟท้ายด้วยพอดี

ใต้โครเมียมตรงเยื้องซ้ายของแผ่นป้ายทะเบียนมีกล้องมองหลังติดมาเลย

บริเวณกันชนล่างมีเซนเซอร์ 2 จุด ซึงจากการทดสอบแล้วหัวมุมตามมุมอับยังมีปัญหาอยู่บ้าง และที่สเกิร์ตมีแผงทับทิมสะท้อนแสงอยู่ 2 ฝั่ง โดยระหว่างทับทิม 2 อันนีส เกิร์ตจะเป็นสีดำครอบคุลมทับทิมแดงระหว่างกันไว้

เวลากลางคืนก็เลยเท่ห์สุดๆ เลย เห็นปะล่ะ ตามรูปเลยยย

ภายในส่วนหน้า (ห้องเครือง)

ห้องเครืองของ Proton Exora Turbo เปิดกระโปรงจากด้านหน้าขึนไป ที่ค้ำกระโปรงอยู่ทางด้านบนซ้ายมือ ใต้ฝากระโปรง เห็นถึงฉนวนกันร้อน หันหน้าเข้าหารถ ซีกขวาจะเป็นกล่องฟิวส์ และ แบตเตอรี่ ส่วนซีกซ้ายเป็นน้ำฉีดกระจก และน้ำมันเบรค ส่วนตรงกลางเป็นเครื่องยนต์มีฝาปิดหุ้มด้วยพร้อมโลโก้ Proton และ CFE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกันกับ Preve Turbo และหน้ารถเป็นหม้อน้ำ ตามปกติ แต่จะมีช่องดักลมขนาดใหญ่เพิ่มขึน มาเพื่อช่วยรับลมไปทำงานกับเครื่อง Turbo

ภายในส่วนกลาง (ห้องโดยสาร)

การที่จะขึ้นรถนั้นเราต้องปลดล็อคที่กุญแจก่อนซึ่งออกแบบมาในรูปกุญแจตอนเดียวมีปุ่มล็อค ปลดล็อค และปุ่มเตือน alarm เพือส่งเสียงไล่สิงผิดปกติหรือหารถเมือหาไม่เจอ โดยกุญแจยังไม่มีระบบ Keyless Entry เมือจะสตาร์ทรถก็เสียบกุญแจไปทีคอรถแล้วบิดเพือสตาร์ทตามปกติ

เริ่มด้วยอารมณ์สปอร์ตๆกับเบาะหนังแบบทูโทน ดำกับน้ำตาลเข้ม หรูหราด้วยลายใหม่ ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์  เมื่อนั่งลงที่บาะตัวเบาะก็ไม่ได้นุ่มยวบยาบให้ความรู้สึกถึงเบาะหนังมันๆเล็กน้อยด้วยวัสดุดีๆ แต่ตัวเบาะมีความสูงเล็กน้อยเวลานั่ง จะรู้สึกคล้ายๆนั่งเก้าอี้นักเรียนที่ทิ้งขาลงแนวตรงๆสำหรับคนสูง 170 หน่อย ขาไม่ได้วางเรียบขนานไปกับพืน เหมือนรถเบาะต่ำๆ พนักพิงหัวทำได้ดีทุกที่นั่งพิงแล้วรู้สึกนิ่ม สบาย ไม่แข็งเกินไป พนักพิงหลังก็เช่นกันสบายดี แต่ไม่โอบอุ้มตัวผู้นั่งเท่าไรไม่ค่อยรู้สึกถึงความกระชับของเบาะ

เบาะวางแขนของที่นั่งคู่หน้าเป็นแบบติดกับเบาะ สามารถพับขึ้น-ลงได้ และในเบาะตอนที่2 ก็มีเบาะวางแขนเช่นกัน

ไปทีแผงประตูฝังคนขับจะเห็นว่าส่วนที่เป็นหนังนั้น เล่นสีทูโทนเหมือนกัน และตรงที่วางแขนจากด้านบนไล่ลงมาจะเป็นสวิตซ์เลือกปรับกระจกฝั่งซ้ายขวา ลงมาเป็นปุ่มปรับกระจก 4 ทิศทาง ด้านขวาเป็นปุ่มพับกระจก ถัดมาสวิตซ์ควบคุมกระจกทัง 4 บาน ปุ่มป้องกันการกดกระจกเล่น และเซ็นทรัลล็อค สุดท้ายมีหลุมใส่เก็บของเล็กน้อยและเป็นที่มือจับเวลาปิดประตูไปในตัวครับ

ห้องโดยสารภายในดูกว้างขวางกว่า MPV ทัวไป การจัดวางเบาะ 3 แถวถูกวางได้อย่างลงตัว สะดวกสบายในการใช้งานแต่ การออกแบบคอนโซลคู่หน้าธรรมดา ๆ เน้นการใช้งานง่าย ๆ แต่วัสดุที่ใช้ไม่คุ้มค่าตัวสักเท่าไร

เริ่มมจากฝั่งคนนั่งหน้าซ้ายมือคอนโซลออกแบบมาให้มีเก๊ะเก็บของ 2 ชัน เก็บของแต่ละชั้น ได้ดีพอตัว แถมด้านล่างขวามีหูหิ้ว ไว้สำหรับแขวนอะไรก็ได้รองรับมากสุดที่ 3 kg.

ทีคอนโซลตรงกลางด้านบนสุดมีนาฬิกา digital แสดงบอกเวลาอยู่ ลงมาเป็นช่องแอร์ 2 ช่อง ต่อด้วยเป็นวิทยุ 2din ตัวหนังสือ ในการแสดงผลของวิทยุชัดเจน เช่น ความถีคลืนวิทยุ เป็นต้น รองรับ Single CD/ MP3/WMA พร้อม Bluetooth เชือมต่อโทรศัพท์มือถือ ถัดลงมาเป็นสวิตซ์ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉิน ไฟไล่ฝ้า ตามลำดับ สวิทต์ควบคุมทิศทางแอร์ ควบคุมแรงลมควบคุมความเย็นในแถวต่อมา และสวิตซ์ใช้อากาศในรถหรือนอกรถ และสวิตซ์ความเย็น

เกียร์ ถูกยกขึน มาสูงนิดนึง ให้เกียร์ในคันโยกมาแค่ P R N D L ไม่มี S มาในคันโยกเกียร์ แต่จะเป็นปุ่มสีดำที่อยู่บนตัว P

และในส่วนที่วางแก้วน้ำ เบรคมือที่ชาร์จไฟนั้นออกแบบให้ติดลงไปด้านล่างไม่สูงขึ้น มาเหมือนรถเก๋งปกติ จะได้ไม่ชนกับที่วางแขนด้วย และในตอนท้ายก็มีที่วางแก้วอีก 2 ใบ เพื่อให้ความสะดวกแก่คนนั่งแถวที่ 2

บริเวณเพดานของส่วนเบาะหนังคู่หน้า มีที่บังแดดให้ทั้ง 2 คน พร้อมกระจก แต่ไม่มีไฟแต่งหน้า มีเพียงแต่ไฟอ่านแผนที่เท่านั้น

พร้อมกระจกมองหลังที่สามารถดูภาพจากกล้องหลังได้

พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน พวงมาลัยนั้นหุ้มด้วยหนังไว้ฝั่งซ้ายและขวาเป็นหนังแบบมีรูระบายฝั่งบนและล่างหนังเรียบ มี Airbag ในตัวพวงมาลัยอยู่ด้วย ข้างหลังพวงมาลัยด้านซ้ายเป็นก้านสวิทต์ควบคุมไฟ ก้านขวาคุมเรื่องที่ปัดน้ำฝน และใต้นั้นยังมี Cruise control ด้วย ซึ่งเราจะควบคุมความเร็วให้คงที่ได้ตั้งแต่ 60 km/hr เป็นต้นไป

ใต้คอนโซลฝั่งคนขับนั้นมีที่เก็บของ

ขึ้นไปที่หน้าจอคอนโซลเป็นแบบ Analog บอกรอบเครื่อง และ ความเร็วในการขับขี่ แต่ทำการออกแบบมาได้ดี เล่นสีภายในจอได้สวยงาม อ่านค่าได้ชัดเจน ภายใต้จอวงกลม Analog 2 อันนัน มีจอแสดงผลค่าต่างๆ เริ่มที่จอซ้ายจะบอกความร้อนหม้อน้ำ จำนวนกิโลเมตรที่เหลือที่รถวิ่งได้ และปริมาณน้ำมันในถัง จอขวาบอกตำแหน่งเกียร์ที่ใช้อยู่ และกิโลเมตรที่วิ่งมาแล้วในทริป หรือ กิโลเมตรรวมที่ขับมาทั้งหมด ซึ่งในแต่ละจอเราสามารถเปลี่ยนค่าที่แสดงได้โดยกดปุ่มเพื่อให้แสดงค่าเปลี่ยนไปเรือยๆ

ริมสุดด้านขวามีช่องแอร์อ้วนๆหน่อยใส่กรอบสีเงินเมทัลลิกดูสวยดี ใต้นั้นลงมามีที่เก็บของด้วย ออกแบบใช้ประโยชน์ในทุกพื้นที่จริงๆเจ้า Proton ลงไปอีกมีเก๊ะเก็บของทรงผอมๆ แล้วใต้นั้น ก็ที่เปิดกระโปรงหน้ารถครับ และดูจากมุมกระจกนอกมองได้กว้างเห็นรถทีจะเข้ามาได้เยอะครับ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ไปทีเบาะหลังกันบ้าง นั่งสบาย ๆ มีมือจับทุกตำแหน่ง บวกกับแอร์ทีให้ความเย็นกันอย่างทั่วถึง และมีสวิตซ์ควบคุมแรงแอร์ไว้แยกส่วนไม่เกี่ยวกับส่วนหน้าอีกด้วย เป็นแอร์ที่มาจากด้านบนกระจายความเย็นได้ทั่วทั้ง คันรถให้เรารู้สึกเย็นทั้งช่วงบนและช่วงล่าง ไม่เหมือนรถทีมีระบบแอร์ไว้ตอนล่างบางคันก็ให้ความเย็นได้ไม่ทัวถึง

เราจะสังเกตุเห็นเจ้าอ้วนๆกลางเพดาน นั่นคือเครื่องเล่น DVD พร้อมจอขนาด 8.5 นิ้ว เรียกกันว่า ชัด เต็ม ตา กันเลยทีเดียวรองรับได้ทัง CD, DVD, USB, SD/MMC และมีช่องเสียบหูฟังอีกด้วย ความบันเทิงมาเต็มจริงๆ

เวลานั่งเบาะตอน 2 รู้สึกสบายด้วยเนื้อที่กว้างขวาง แต่ในตอนที่ 3 นั้น คนสูง 170 เข่ายังแตะเบาะหน้า อึดอัดเล็กน้อย นั่งแถว 3 ผมว่านอนเลยดีกว่า อิอิ แอร์เย็นๆ มีหนังดู สบายๆเลยครับ

เบาะสามารถปรับแบนราบได้ด้วยการพับพนักพิงลงมาด้วยน้ำหนักของมันเองแล้วเบาะนั่ง ก็จะรับแรงเหวี่ยงไปทำให้เบาะนั่งพับไปเองได้สบาย ๆ อย่างนุ่มนวล เมื่อพับเบาะตอน 2, 3 แล้วทำให้เราเห็นได้ถึงพื้นที่อันกว้างขวางราบเรียบเป็นหน้ากลองสบายตา ไม่ว่าของจะชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ยังไงก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว

เมือจะเข้าไปเบาะตอน 3 นั้นก็สะดวกสบาย เพราะเบาะแถว 2 พับลงไปมากพอสมควรทำให้เกิดพื้นที่ว่างมากพอที่จะก้าวขึ้นลงได้อย่างสบายๆ

ภายในด้านหลัง (ห้องเก็บสัมภาระ)

สามารถเปิดประตูหลังได้ทีบริเวณตรงกลางใต้โครเมียมนั้นเอามือเข้าไปบีบปุ้บเปิดปับมาเลย ประตูหลังมีน้ำหนักเล็กน้อยไม่ได้เบาเหมือน Preve

ภายในส่วนเก็บของไม่ได้กว้างขวางเท่าไร (หากนั่งเต็ม 6 ทีนั่ง) ถ้าต้องการเก็บของเยอะๆก็สามารถพับเบาะได้เป็นทางเลือกทีดีทางนึง

ที่พื้นสามารถเปิดขึ้นมา ไว้ใช้เป็นที่เก็บอุปกรณ์เครื่องมือรถต่างๆ ได้

การขับขี่เจ้า Proton Exora 1.6 CFE Turbo

จากข้อมูลที่เรามีอยู่ดังภาพบนแสดงให้เห็นถึงว่า แรงบิดช่วง 110 – 205 นิวตันเมตร นั้นแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสุดที่แรงบิด 205 นิวตันเมตร รอบเครื่อง 2000 รอบต่อนาที จนถึง 4000 รอบต่อนาที หลังจากนั้นแรงบิดจะค่อยๆตกลงไปโดยแปรผันกับรอบเครื่องที่สูงขึน ถึง 6250 รอบต่อนาที และยังแสดงให้เห็นถึงเครื่อง CFE Turboว่าดีกว่าเครื่อง 2.0 ถึง 18% และดีกว่าเครือง CPS ถึง 50%

Proton Exora Turbo มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ CamPro CFE ที่เน้นความเร้าใจแบบประหยัดน้ำมัน รหัส S4P-CFE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,561 ซีซี มีการเพิ่มระบบอัดอากาศด้วย Turbocharger ออกแบบมาให้เน้นแรงบิดรอบต่ำ และลดอากาศรอรอบเครือง Turbo เริมทำงานให้เหลือน้อยทีสุด พ่วงด้วยระบบเกียร์ CVT ทีถ่ายทอดกำลังอย่างเร้าใจและเปียมด้วยสมรรถนะที่ไม่หล่นหายระหว่างทาง ปั้มน้ำหมุนเวียนทำงานด้วยไฟฟ้า ทันทีที่ดับเครื่องยนต์ ปั้มตัวนี้จะทำงานต่อเนื่องไปอีก 6 นาที เพื่อระบายความร้อยของแกน Turbo ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องติดตัง Turbo Timer เพื่อชะลอการดับเครื่องยนต์ออกไป ให้ความรู้สึกตอบสนองการขับขี่ทันใจ

มาที่จุดเด่นของเจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้กัน ไม่พ้นเครื่อง 1.6 CFE Turbo แค่ได้ยินคำว่า Turbo นี่ก็รู้สึกถึงความแรงแล้ว แถมมีการปรับเปลียนให้ได้ถึงความประหยัดอีก แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นรึจะสู้สัมผัสจริง ว่าแล้วเราก็ไปลองกันเลย การขับขี่ ช่วงแรก รอบที่ 1,000-2,000 ระบบ Turbo จะยังไม่ทำงานต้องรอรอบอยู่บ้าง แต่พอพ้น 2,000 ไป Turbo จะเริ่มทำงานทำให้รู้สึกได้ถึงอัตราการเร่งขึ้น แซง โดยการเร่งแต่ละครังนั้น ไม่กระโชกโฮกฮากกระตุกจนต้องตกใจหลังติดเบาะ แต่ความเร็วจะเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ในช่วงรอบที่ 2,000 – 4,000 เวลาแซงคันอื่นจะได้ความรู้สึกมาก ทั้งเห็นว่ารถตัวเองกำลังแซง ซึ่งเป็นข้อดีข้อนึงในหลายๆข้อที่ปฏิเสธไม่ลงเลย นั้นคือ เครื่องยนต์ที่ปรับปรุงมาใหม่นีถือว่ามีความลงตัวอย่างมาก ด้วยอัตราเร่งที่ทันใจด้วยน้ำหนักตัวที่เบาทำให้รถอเนกประสงค์คันนี้ตอบสนองได้อย่างว่องไว และด้วยเสียงเครื่องยนต์ Turbo ที่ทำงานดัง วี้ ๆ ๆ และแล้วก็ขับมาเรื่อยๆ จนความเร็วถึง 140 km/hr รู้สึกได้ว่ารถยังเกาะถนนได้ดีในระดับนึง ซึ่งตามมาตรฐานการ test drive ของเราจะ test กันแค่ 140 เท่านั้น นะครับ ยิ่งช่วงนี้กฎหมายจำกัดความเร็ว 120km/hr ออกมาแล้วด้วย เดี้ยวโดนปรับถึงบ้าน

จากการทดสอบ Proton Exora 1.6 CFE Turbo มีรายละเอียดผู้ทดสอบ ดังนี้

*การทดสอบนีเราเติมน้ำมันเต็มถังก่อนทดสอบ และเมื่อถึงปลายทางเราเติมเต็มถังกลับ เพื่อคำนวณค่าต่างๆ
ขาไปเราทดสอบการกินน้ำมันแบบปกติไปแล้ว ขากลับเราจะทดสอบในเเรื่องรอบเครื่องและอัตราการเร่งแซงในแต่ละแบบกัน ซึ่งต้องกินน้ำมันกว่าแน่ๆ เราจึงขอแยกทดสอบกัน

รอบเครืองต่างๆ ในความเร็วแต่ละช่วง

อัตราการเร่งในช่วง 0-100 , 80-120 km/hr

ภายในเก็บเสียงได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ยังรู้สึกถึงเสียงลมที่เข้ามาอยู่บ้าง จาก 140 km/hr ยังรู้สึกว่า kick down เพื่อเพิ่มความเร็วได้อีก แต่เราหยุดไว้ที่ 140 km/hr อัตราการเร่งในแต่ละช่วงก็ทำได้ดี เหยียบเป็นมา แซงคันอื่นทิ้งหาย ทิ้งหายปไว้ข้างหลังพร้อมทัง ระบบเบรคที่เป็นดิสก์เบรคทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD สุดท้ายที่การเข้าโค้ง เราลองเข้าโค้งกันที่ 70-80 km/hr ก็รู้สึกได้ว่ารถยังคงเกาะถนนได้ดี ด้วยยางที่เปลี่ยนมาใช้ 205/55 R16 ทำให้รู้สึกไม่มีแรงเหวี่ยงให้เห็นมากมายเท่าไรส่วนนึงคงเพราะหน้ายางที่กว้างขึน ช่วยเกาะถนนได้เป็นอย่างดี

ถึงที่หมายเราใช้ระยะทางขากลับไป 82 km เติมน้ำมันเต็มถังคืน 8.8 L อัตราการกินน้ำมัน 9.31 Km/L

ขากลับเหยียบทดสอบความเร็วกันไปหน่อยเลยกินน้ำมันกว่าเห็นๆเลยครับ ใครอยากจะประหยัดน้ำมันยังไงก็อย่าลืมปรับการขับขี่ของตัวเองด้วยนะครับ !!!

ป.ล. Proton เค้าแอบกระซิบมาว่า ทุกรุ่นสามารถจัดถัง LPG ได้นะขนาด 36 ลิตร ออกแบบพิเศษติดตั้งใต้พื้นรถไม่เสียพื้นที่ใช้สอย ยางอะไหล่ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม พร้อมการ์ดเหล็กกันกระแทกเพิ่มความปลอดภัย ขายึดถังก๊าซ LPG และขายึดชุดหม้อต้มออกแบบพิเศษใช้เลเซอร์ในการตัด พร้อมชุบสีกันสนิมเรียบร้อย ราคาอยู่ที่ 39,000- บวกเข้าไปได้ในทุกรุ่น และยังไม่ต้องจ่ายทั้งหมดแต่คุณรวมไปในค่ารถแล้วดาวน์และผ่อนในแต่ละงวดๆไป ไม่เปลืองเงินก้อนกันอีกด้วย โดนใจคุณมั้ยล่ะครับ

ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ ^__^