Test Drive : รีวิว Nissan PULSAR 1.6 DIG Turbo ปลดปล่อยสัญชาตญาณความแรงในตัวคุณ

โพสโดย : DigitalNext / วันที่ : 21 สิงหาคม 2014

Test Drive : รีวิว Nissan PULSAR 1.6 DIG Turbo ปลดปล่อยสัญชาตญาณความแรงในตัวคุณ


Nissan Pulsar 1.6 DIG Turbo ผลงานชิ้นเอกจากนิสสัน ที่ผลิตออกมาเพียง 350 คันในประเทศไทย ถือเป็น Limited Edition ที่น่าสะสม รถสปอร์ตขนาดเล็กที่ขาซิ่งต้องชื่นชอบ ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก มีรุ่นเดียวราคาเดียว 1.07 ล้านบาท

ย้ำกันอีกครั้งว่า 1,070,000 บาท ไม่แพงเลยสำหรับรถยนต์ที่ให้กำลังสูงสุดมากถึง 190 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร (24.4 กก.-ม.) ที่ 2,400 – 5,200 รอบ/นาที ถือว่าให้กำลังที่แรงกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรของ Nissan Teana และยังปล่อยมลพิษออกมาน้อยกว่าด้วยซ้ำ มีที่ไหนรถยนต์ราคา 1.07 ล้านบาท เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า แถมยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย

Nissan ได้ติดสติ๊กเกอร์ DIG Turbo ไว้ที่ด้านข้างตัวรถทุกคันที่ผลิตออกมาจากโรงงาน แนวทางการออกแบบสติ๊กเกอร์สไตล์นี้ ทำให้นึกถึง Porsche ขึ้นมาทันที แต่ถ้าลอกทิ้งไป ก็กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่านี่คือ Pulsar ตัวแรงที่มีเพียง 350 คันเท่านั้น ลองมาดูสเปคที่สำคัญ ๆ ซึ่งเป็นจุดขายหลักของ Pulsar 1.6 DIG Turbo กันก่อน

– เครื่องยนต์ MR16DDT 190 แรงม้า 240 นิวตันเมตร
– เกียร์ CVT พร้อมโหมด Manual 6 speed
– สปริงและโช็คอัพใหม่ แตกต่างจาก Pulsar รุ่นปกติ
– จานเบรกใหม่ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้หยุดรถได้ดียิ่งขึ้น
– Airbag 6 จุด (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านถุงลม)
– ระบบควบคุมการทรงตัว VDC/TCS
– ระบบเบรก ABS/EBD/BA
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Xenon
– ระบบเปิด-ปิดและปรับไฟหน้าอัตโนมัติ
– ระบบฉีดน้ำทำความสะอาดไฟหน้า
– Cruise Control
– Keyless Entry – Push Start
– Navigation System + Bluetooth
– กล้องมองภาพขณะถอยจอด

ทั้งหมดนั้นคือการอัพเกรดประสิทธิภาพของ Pulsar เดิม ให้กลายเป็นรถสปอร์ตที่มีความแรงมากขึ้นเป็นพิเศษ จึงทำให้ระบบเบรค ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบความปลอดภัย ระบบกันสะเทือน และเกียร์จะต้องทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ที่มีขุมพลังเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่ว่าใส่เครื่องยนต์ที่แรงขึ้น แต่ชิ้นส่วนในระบบต่าง ๆ ของตัวรถกลับเอาไม่อยู่ ก็จะส่งผลให้มีปัญหามากมายในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดรถหรือการทรงตัว

เรามาดูกันที่รูปโฉมภายนอกกันก่อน ดีไซน์ด้านหน้า ก็ยังดูเหมือนกับ นิสสัน พัลซาร์ รุ่นปกติที่เห็นบนท้องถนน กระจังหน้า ดีไซน์สปอร์ต  ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดและปรับระดับอัตโนมัติ ดีไซน์ของโคมไฟหน้า คาดว่าดัดแปลงมาจาก Teana ให้ดูสปอร์ตขึ้นเล็กน้อย ไฟตัดหมอกหน้าทรงกลม ไม่มีไฟ Daytime Running Light

ใต้โคมไฟหน้า มีที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้าให้ด้วย เหมือนในรถยุโรปราคาแพง

หากมองนาน ๆ โดยรวมก็ถือว่าด้านหน้าของ Pulsar มีความสวยงามในระดับหนึ่ง ไม่ได้ดูดุดันหรือโฉบเฉี่ยวเหมือนกับรถสปอร์ตพันธุ์แท้รุ่นอื่น

มาดูดีไซน์ด้านข้างกันบ้าง

โดดเด่นด้วยสติ๊กเกอร์ DIG Turbo ด้านข้างตัวรถ รถสีดำ สติ๊กเกอร์จะเป็นสีแดง ถ้ารถสีแดง สติ๊กเกอร์จะเป็นสีขาว

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายเหมือน Pulsar รุ่นธรรมดา สีเงิน ไม่รมควัน พร้อมยางจาก Continental

กระจกมองข้าง ให้มุมมองที่กว้างพอสมควร พร้อมติดตั้งไฟเลี้ยว LED

ขอบกระจกโครเมียม

มือจับประตู สีเดียวกับตัวรถ

สปอยเลอร์

ส่วนท้ายรถ ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก Pulsar รุ่นธรรมดา

ไฟท้าย ก็ยังคงไม่มีอะไรพิเศษกว่ารุ่นธรรมดา

แต่ตัวอักษร DIG Turbo นี่แหละ ที่แสดงถึงความแตกต่าง

ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง และแถบโครเมียมขนาดใหญ่

สัญลักษณ์ Pulsar

เสียดายที่ไม่มีสเกิร์ตรอบคันติดตั้งมาจากโรงงาน ทำให้ดูท้ายลอย ๆ

เพื่อความแรง แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน หรือแก๊สโซฮอล์ 95 E10 เท่านั้น

ฝาถังน้ำมันอยู่ทางฝั่งขวามือ

เหนือป้ายทะเบียน มีไฟส่องป้ายทะเบียน 2 ดวง และกล้องมองหลัง ช่วยกะระยะถอยหลัง

มาดูในห้องเครื่องกันหน่อย เพราะหัวใจสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้อยู่ที่นี่

ฝากระโปรง และห้องเครื่องยนต์

– เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร รหัส MR16DDT แบบหัวฉีด Direct Injection ตอบสนองทุกจังหวะการขับขี่อย่างเร้าใจ พร้อมอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเกินคาด สมรรถนะการขับขี่แรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร

– ประหยัดน้ำมันด้วย Turbo Charge ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดคงที่เป็น Flat Torque ไปจนถึง 5,200 รอบต่อนาที ช่วยให้เร่งแซงได้ดั่งใจ แต่ยังคงประหยัดน้ำมัน

– Twin C-VTC (Twin Continuously Variable-valve Timing Control System) ควบคุมการเปิด-ปิดของวาล์วไอดีและไอเสียให้มีความสัมพันธ์กัน และนำก๊าซไอเสียกลับมาเผาไหม้อีกครั้ง เป็นการช่วยลดค่า Pumping Loss แรงต้านของกระบอกสูบ ห้องเครื่องแน่น ดูทรงพลัง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งมาจากโรงงาน

มาดูกันต่อที่ภายในห้องโดยสาร เริ่มจากฝั่งคนขับ

แผงประตู ใช้วัสดุที่ดูดี บุด้วยหนังเทียม ที่เปิดประตูโครเมียมเงางาม ตัดด้วยแถบสีบรอนซ์เงิน ดูทันสมัย

ใกล้ลำโพง มีช่องใส่ขวดน้ำดื่มและใส่ของจุกจิกได้อีกเล็กน้อย

ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งเป็นสีดำสไตล์รถสปอร์ต

แต่นิสสันนำเอาสีเงินมาใช้ตกแต่งคอนโซลด้านหน้า ให้ดูตัดกับสีดำ ได้ความรู้สึกที่สวยงามทันสมัย

เบรค คันเร่ง ที่เปิดฝากระโปรงและฝาถังน้ำมัน

เบาะหนังฝั่งคนขับปรับระดับความสูงได้

เบาะที่นั่งคู่หน้าไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำเกินไป ทำให้มุมมองดี มองเห็นได้กว้างไกล ทัศนวิสัยดี แผงคอนโซลออกแบบได้สวยงาม เรียบหรู ทันสมัย

สวิตช์ปรับมุมกระจกมองข้าง อยู่ที่ใต้ช่องลมเครื่องปรับอากาศฝั่งขวาสุด

พวงมาลัยหุ้มหนังสีดำ ทรงสวย พร้อมปุ่มควบคุม Multifunction

ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง รับโทรศัพท์ วางสาย และเลือกโหมดของหน้าจอในมาตรวัด

ปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control

ตั้งค่าที่ปรับน้ำฝน

สวิตช์ควบคุมไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก ไฟหน้า

มาตรวัดเรืองแสงแบบ Fine Vision Meter พร้อมจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบ MID (Multi-Information Display)

เครื่องเสียง สามารถเล่นไฟล์จาก CD / USB / Bluetooth / Aux พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส

เครื่องปรับอากาศแบบดิจิตอล แยกอิสระหน้า-หลัง

เกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด นุ่มนวล พร้อมโหมด Manual ได้อารมณ์ขับสนุกแบบเกียร์ธรรมดา

ช่องต่อ Car Charger ซ่อนไว้ใต้ฝาปิด

มีที่วางแขนให้ด้วย

ช่องต่อสัญญาณ Aux และ USB เข้าไปยังเครื่องเสียง อยู่ภายในช่องใต้ที่วางแขน

ช่องวางเครื่องดื่มพร้อมฝาปิด

กุญแจรีโมท พกพาสะดวก

ด้านหลังกุญแจ เรียบ ๆ

ถอดกุญแจออกมาใช้งานได้เมื่อคราวจำเป็น

ช่องสำหรับวางกุญแจ หรือโทรศัพท์มือถือก็ได้

ปุ่ม Start / Stop อยู่ระหว่างพวงมาลัยกับเครื่องปรับอากาศ

ไฟส่องสว่าง 2 ตำแหน่ง และที่เก็บแว่นตา

ม่านบังแดด มีกระจกส่องหน้าพร้อมไฟส่องสว่างทั้ง 2 ตำแหน่ง

ไฟส่องสว่างตรงกลางห้องโดยสาร โดยรุ่นนี้ไม่มี Sunroof

เสาหลังคามีขนาดไม่หนาจนเกินไป จึงไม่ค่อยบดบังในขณะเลี้ยว

เข็มขัดนิรภัย สามารถปรับระดับความสูงได้

เข้าออกได้สะดวก ห้องโดยสารกว้างและไม่เตี้ยจนเกินไป

ประตูฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า

ที่ใส่ของด้านหน้า

ที่เสาเหนือช่องลมเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งลำโพงเสียง Tweeter เอาไว้ทั้งสองฝั่ง

ที่วางแขน ทำมุมและความสูงได้พอดี ทำให้ไม่เมื่อยล้า

พื้นที่วางขา ระยะห่างจากที่เก็บของมาถึงหัวเข่า เหลืออยู่พอสมควร ไม่รู้สึกอึดอัด

มุมมองของกระจกมองข้าง

ถุงลม SRS คู่หน้า ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลม รวม 6 จุด ลดอาการบาดเจ็บจากการชน

มีม่านถุงลมซ่อนอยู่ในเสากลาง

มาดูกันต่อ ที่ห้องโดยสารตอนหลัง

นั่งได้ 3 คนแบบไม่อึดอัด มีที่พิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง ปรับระดับได้

เบาะนั่งขนาดใหญ่ รองรับก้นและต้นขาได้เต็มพอดี

ที่วางแขนและช่องใส่เครื่องดื่ม

เบาะให้ความรู้สึกแน่น ไม่ใช่สไตล์นุ่มยวบ

มีช่องลมเครื่องปรับอากาศมาถึงที่นั่งตอนหลัง และแยกปรับอุณหภูมิอิสระจากที่นั่งตอนหน้า

ด้านหลังเบาะหน้าฝั่งผู้โดยสาร มีช่องใส่หนังสือ

Leg room กว้างมาก สอดเท้าใต้เบาะหน้าได้

เพดานสูง โปร่ง ไม่อึดอัด

หน้าต่างบานยาว เปิดได้ทั้งหมด ไม่เหลือบางส่วนไว้ให้เกะกะสายตา

พับเบาะได้ง่าย แต่น้ำหนักเบาะค่อนข้างเยอะ เพราะเบาะเนื้อแน่นมาก

เมื่อพับเบาะลงมา จะไม่ได้ราบเรียบเสมอกับพื้นช่องเก็บสัมภาระด้านหลัง

ด้านหลังเบาะหลัง มีตัวยึดกับ Baby Seat ด้วย

เพิ่มพื้นที่บรรจุสัมภาระได้ไม่น้อย

ที่พิงศีรษะสามารถถอดออกได้

ที่พิงศีรษะ และเบาะทั้งหมดของ Pulsar มีความอวบหนาเนื้อแน่นมาก ไม่ได้มีแต่ฟองน้ำหลวม ๆ

ฝาท้ายเปิดได้กว้าง น้ำหนักไม่หนักเกินไป สามารถเปิดได้จากภายนอกหรือภายในรถก็ได้

หลุมสำหรับจับเพื่อปิดฝาท้าย

ถาดรองของใช้จุกจิกหลังเบาะหลัง สามารถถอดออกได้

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง กว้างกว่ารถ Hatchback บางรุ่นในตลาด

ทดสอบการส่องสว่างของโคมไฟรอบคัน เริ่มต้นที่ไฟท้าย ไม่ใช่แบบ LED พื้นที่การส่องสว่างน้อยกว่ารุ่น Sylphy ส่วนไฟเลี้ยว อยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากขอบมุมท้ายรถอยู่พอสมควร โดยส่วนตัวรู้สึกว่าไฟท้ายมีขนาดค่อนข้างเล็ก คาดว่าหลังไมเนอร์เชนจ์รุ่นปี 2015 หรือ 2016 จะได้เห็นโคมไฟท้ายที่สวยโฉบเฉี่ยวมากขึ้นและเป็นไฟท้ายแบบ LED

ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ใช้งานได้จริงกับการขับเพื่อขอทางรถที่วิ่งขนานกันแล้วปาดเข้ามาในเลนเดียวกัน เพราะออกแบบให้ส่องสว่างทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ในเรื่องของความสว่าง ถ้าสว่างมากกว่านี้ก็จะยิ่งดี

ไฟหรี่ ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอก ทำงานได้ดี สว่างไกล เห็นได้ชัดเจนดี

มาตรวัด ไม่ได้เน้นไฟสว่างสีสันแบบรถสปอร์ตเอาใจวัยรุ่น ใช้แสงสีขาวธรรมดา ๆ มีจอภาพขนาดใหญ่

กล้องช่วยมองหลัง ใช้เส้น 3 สีในการกำหนดระยะจอดที่เหมาะสม แต่ไม่มีเส้นโค้งตามองศาการเลี้ยว

ระบบนำทางและเครื่องเสียง มีมเนูเป็นภาษาไทยด้วย อ่านง่าย หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ซึ่งมีความไวในการตอบสนองดีมาก แค่สัมผัสเบา ๆ ไม่ต้องออกแรงกดหรือใช้เล็บจิก จุดนี้ดีกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน

GUI หรือหน้าตาเมนูที่ดูเรียบง่าย ใช้งานง่าย

เปลี่ยนสถานีวิทยุได้รวดเร็ว ข้ามไปได้ทุกตำแหน่ง ไม่ต้องไล่เรียงตามความถี่

รายการคลื่น FM ที่ค้นพบ

เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้ง่าย

ใช้ฟังก์ชั่นการโทรและเล่นมัลติมีเดียได้ทันทีที่เชื่อมต่อสำเร็จ

กดโทรจากบนหน้าจอนี้ได้ง่าย ๆ หรือดูจากรายการโทรก็ได้

แสดงชื่อเพลงภาษาไทยได้ถูกต้อง

ดึงสมุดโทรศัพท์จากโทรศัพท์มือถือเข้ามาได้รวดเร็ว

ตั้งค่าเสียงได้หลายระดับ

รับสัญญาณจาก Aux, USB และ CD ได้

ตั้งค่าแผนที่ ให้นำทางด้วยเสียงได้ด้วย แต่สำเนียงการพูดสั่งงานต้องชัดเจน

จากการทดสอบ การแสดงพิกัดค่อนข้างแม่นยำและอัพเดตต่อเนื่องไวดี

ตั้งค่าจอภาพและระบบหลักได้ค่อนข้างเยอะ

ปรับความสว่างสูงสุด สู้แสงแดดภายนอกได้ดี

เปลี่ยนเมนูเป็นภาษาอังกฤษก็ได้

แสดงข้อมูลแผนที่และสถานที่สำคัญริมถนนได้ถูกต้อง

ลูกเล่นและความสามารถของระบบนำทางอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ


ทดสอบขับ Nissan PULSAR 1.6 DIG Turbo

เราได้ทดสอบขับ Nissan Pulsar 1.6 DIG Turbo บนถนนนครอินทร์และราชพฤกษ์ ซึ่งทำความเร็วได้ดีและมีพื้นผิวถนนที่ดี ในสภาพการจราจรปกติที่ทำความเร็วได้ และต้องแซงรถอยู่เป็นระยะ ๆ สรุปความประทับใจได้ดังนี้

  • ห้องโดยสารเงียบ แม้วิ่งในความเร็วสูง ก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงลมปะทะหรือเสียงจากภายนอก
  • ยางที่ติดมากับรถน่าประทับใจมาก เกาะถนนดีเยี่ยม รีดน้ำได้ดี เงียบ นุ่ม
  • ออกตัวได้เร็วมาก ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ภายใน 8.04 วินาที
  • ระยะเบรคสั้น มั่นใจได้ในทุกครั้งที่เบรค ทรงตัวดี ไม่มีปัญหาหน้าทิ่มหรือท้ายลอย
  • เบรคและยาง ทำงานได้ดีน่าประทับใจมาก
  • เร่งแซงได้สนุก ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถที่มีเครื่องยนต์ 2.5 – 3.5 ลิตร
  • ระบบกันสะเทือนก็น่าประทับใจมาก รถนิ่งมากแม้วิ่งผ่านหลุมหรือมุมคอสะพาน นุ่มนวลดี
  • น้ำหนักพวงมาลัยเซ็ตมาอย่างเหมาะสม ควบคุมรถได้ง่ายและมั่นใจในทุกความเร็ว
  • เกียร์ตอบสนองได้ว่องไว เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลมาก เร่งแซงตอบสนองทันใจ
  • ในโหมดเกียร์ Manual ก็ขับได้สนุกมาก ได้อารมณ์รถสปอร์ต
  • สัญญาณไฟเลี้ยวขอทาง สั่งได้เพียงแค่โยกเบา ๆ ก็จะกะพริบ 3 ครั้ง ไม่ต้องเปิดปิดเอง
  • ทรงตัวดีเยี่ยมโดยเฉพาะการเข้าโค้งและซิกแซก ยึดเกาะถนนแบบไว้ใจได้จริง
  • เครื่องปรับอากาศเย็นเร็วดี เย็นทั่วถึงทุกที่นั่ง
  • เครื่องเสียงและลำโพง มีคุณภาพที่ดี หนักแน่นและฟังสนุกดีพอควรเมื่อปรับเสียงทุ้มแหลมให้เหมาะสม
  • ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย แข็งไปเล็กน้อย ใช้แรงกดเยอะ แต่ก็ดีตรงที่ป้องกันการกดโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • ความปลอดภัยจัดเต็ม หายห่วง ด้วยถุงลมนิรภัย Airbag 6 จุด (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านถุงลม)
  • เครื่องยนต์สมรรถนะสูง แต่ก็ยังประหยัดน้ำมันมากแม้ว่าในการทดสอบครั้งนี้เป็นการขับแบบ Sport ที่เน้นความเร็วและเร่งแซงตลอดเวลา ก็ยังทำตัวเลขได้ในช่วง 15 กม./ลิตร อย่างไม่น่าเชื่อ

 

วัดอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง
ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 เฉลี่ย
อัตราเร่ง 0-80 กม./ชม. 6.03 5.80 5.80 5.71 5.84
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.90 8.28 8.06 7.91 8.04
อัตราเร่ง 0-120 กม./ชม. 10.21 10.76 10.40 10.33 10.43

ข้อสังเกต

  • เบาะหนาเนื้อแน่น แต่ให้ความรู้สึกที่แข็งไปหน่อย บางคนอาจชอบความนุ่มสบายแบบ Teana
  • รู้สึกได้ถึงความร้อนจากเครื่องยนต์ที่แผ่ระบายออกมาด้านข้างของตัวรถ ใกล้ล้อคู่หน้า แต่เป็นการระบายความร้อนที่ดี เพราะดูจากมาตรวัดความร้อน ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติมาก เหมือนรถทั่วไปที่ไม่มีเทอร์โบ อย่างไรก็ตามไม่ควรยืนข้างรถเป็นเวลานาน อุณหภูมิที่สูงกว่ารถทั่วไปอาจมีผลต่ออารมณ์ในการขับขี่
  • หน้าตา ดีไซน์ภายนอกของตัวรถ สวนทางกับสมรรถนะของรถที่เน้นความแรง
  • ไฟหน้าและไฟท้าย มีดีไซน์ที่ไม่ค่อยลงตัว
  • สีแดงของรถยนต์คู่แข่ง ดูสวยงามกว่าสีแดงของ Pulsar

คู่แข่งที่สำคัญ

  • Mazda 3 Sport Hatchback เป็นคู่แข่งที่ถูกเปรียบเทียบกันมาตลอด เพราะมีระดับราคาใกล้เคียงกันมาก โดยรวมแล้ว Mazda 3 เหนือกว่า Pulsar ในเรื่องของดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน มีเทคโนโลยีที่เหนือชั้น สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ขับขี่ งานสีที่พ่นออกมาได้ดูสวยงามกว่า แต่ในเรื่องของการควบคุมรถ ความสนุกในการขับขี่แบบสปอร์ต ระบบเบรค ทัศนวิสัยของทุกที่นั่ง และสมรรถนะเครื่องยนต์ทั้งระบบ ของ Nissan Pulsar DIG Turbo ทำได้ดีกว่ามาก หากใครได้ทดสอบเปรียบเทียบขับสองรุ่นนี้ จะรู้สึกได้ว่ามีความแตกต่างกันชัดเจนในเรื่องของอารมณ์ ต้องยอมรับว่า Pulsar รุ่นพิเศษนี้ขับสนุกมาก แต่ Mazda 3 สวยงามและล้ำสมัยกว่ามาก
  • Ford Focus ก็เป็นอีกรุ่นที่นำมาเปรียบเทียบ ดีไซน์ที่ดูสวยงามและระบบสั่งงานของเสียง SYNC เป็นจุดเด่นของ Ford Focus อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่โดดเด่นพอที่จะนำมาเปรียบเทียบกับ Pulsar DIG Turbo และ Mazda 3
  • MG6 Hatchback จาก MG น้องใหม่ในตลาดรถยนต์ไทย ที่กลุ่ม CP หรือเจริญโภคภัณฑ์โหมโปรโมตอย่างหนักจนทุกคนรู้จักกันไปแล้วว่าเป็นรถสัญชาติอังกฤษดั้งเดิม ด้วยราคารุ่นท็อปสุดที่ใกล้เคียงกับ Pulsar DIG Turbo ก็ทำให้เกิดการเปรียบเทียบได้ แต่วัสดุ ดีไซน์ และสมรรถนะที่นักทดสอบรถหลายคนได้ทดลองขับ และให้ความเห็นตรงกันว่ายังไม่น่าประทับใจ มีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกมากมายเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ ดังนั้นจึงยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีพอ อย่าเพิ่งตัดสินใจซื้อ MG6 ถ้ายังไม่ได้ทดลองขับ Pulsar DIG Turbo
  • สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรงสะใจของรถขนาดเล็กติดเทอร์โบ แต่งบประมาณมีไม่มากพอ ก็ยังมีตัวเลือกหนึ่งในตลาด นั่นคือ Ford Fiesta EcoBoost 1.0L ที่เราไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งกับ Nissan Pulsar DIG Turbo แต่เป็นคู่แข่งของ Pulsar รุ่นธรรมดาที่น่ากลัว เพราะให้ความแรงมากอย่างเหลือเชื่อ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร แต่แรงใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ 1.6-2.0 ลิตรเลยทีเดียว โดยรวมแล้วถือเป็นตัวเลือกที่มีราคาและสมรรถนะต่ำกว่า Pulsar DIG Turbo อยู่ในระดับหนึ่ง ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรง และยังต้องคำนึงถึงการแก้ปัญหาของรถ กับชื่อเสียงในเรื่องการบริการหลังการขายของฟอร์ดที่ยังทำได้ไม่ดีนักในประเทศไทย

ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^


สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Test Drive : รีวิว Nissan PULSAR 1.6 DIG Turbo ปลดปล่อยสัญชาตญาณความแรงในตัวคุณ "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

1 ความคิดเห็น

  1. Slamdunk99

    Nissan PULSAR 1.6 DIG Turbo เหมาะกับคนที่ชื่นชอบความเร็วมาก เพราะให้กำลังสูงสุดมากถึง 190 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร (24.4 กก.-ม.) ที่ 2,400 – 5,200 รอบ/นาทีเลยนะ

    robot_9_slamdunk@hotmail.com

    ตอบ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด