Test Drive : รีวิว 2015 Nissan Juke 1.6 V Sport Crossover ดีไซน์ล้ำ ไม่ซ้ำใคร

โพสโดย : DigitalNext / วันที่ : 29 เมษายน 2015

Test Drive : รีวิว 2015 Nissan Juke 1.6 V  Sport Crossover ดีไซน์ล้ำ ไม่ซ้ำใคร

ตลอดปี 2557 ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า รถยนต์ประเภท Compact Crossover ได้รับความนิยมจากคนไทยเป็นอย่างมาก โดยนิสสันเป็นรายแรกที่กล้าเปิดตลาด นำเข้า Nissan Juke มาทำตลาดก่อนใคร เมื่อรถยนต์รุ่นนี้เริ่มวิ่งให้เห็นบนท้องถนน ทุกคนก็ต้องเหลียวมองในความแปลกใหม่สะดุดตา ฉีกแนวคิดของดีไซน์รถยนต์แบบเดิม ๆ จากนั้นก็มีคู่แข่งรายอื่นเริ่มเกาะกระแสรถยนต์ประเภทนี้ ส่งรถยนต์มาชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยเช่นกัน ทำให้เราพบเห็นรถยนต์ Compact Crossover ป้ายแดงกันเยอะมากมายบนท้องถนน

รถยนต์ประเภท Crossover หรือ Mini SUV ในกลุ่มนี้ มีประโยชน์ใช้สอยได้หลากหลายมากกว่ารถเก๋ง 4 ประตูที่มีราคาพอ ๆ กัน ทำให้หลายคนที่วางแผนจะซื้อรถเก๋งช่วงราคา 0.7 – 1.0 ล้านบาท ก็เปลี่ยนใจมาเลือกรถยนต์ที่ใช้งานอเนกประสงค์ได้ (สำหรับ Juke 2015 ในบทความนี้ เป็นรุ่น 1.6 V ราคา 884,000 บาท)

ดีไซน์ภายนอก สวยล้ำสมัย โฉบเฉี่ยวมากขึ้น

กุมภาพันธ์ 2558 ได้เวลาแล้วที่นิสสันจะต้องปรับโฉมเล็กน้อยเพื่อให้ Nissan Juke 2015 มีความสวยงามทันสมัยและสดใหม่ น่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งหน้าใหม่ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อมากขึ้น

Nissan Juke ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ รุ่นปี 2015  มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้า ไฟหน้า ไฟท้าย และสีใหม่ที่เรียกว่า Pacific Blue เป็นสีฟ้าที่ดูสวยงาม ไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป

มองด้านข้างเห็นได้ชัดเจนว่าออกแบบได้ดีตามหลักอากาศพลศาสตร์ในทุกส่วนของตัวรถ

สีฟ้าแบบใหม่นี้ ไม่ว่าจะอยู่กลางแดด หรือสภาพแสงแบบใด ก็ดูสวยเงางามอย่างมาก

– ไฟหรี่ LED สีขาว เปลี่ยนใหม่เป็นรูปทรงแบบบูมเมอแรง เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ดูสวยงามมากขึ้นกว่า Juke รุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน

– ไฟหน้าแบบ Projector ใช้หลอดไฟ Xenon ให้แสงสีขาว พร้อมระบบปรับและปิดเปิดอัตโนมัติ

– กระจังหน้าแบบสปอร์ต มีลายบูมเมอแรงสีดำขนาดเล็กกระจายเต็ม Grille ดูเท่ดี

โลโก้นิสสัน ล้อมด้วยโครเมียมขนาดใหญ่รูปตัว U ตามหลักการออกแบบของนิสสันรุ่นใหม่ทุกรุ่น

ไฟเลี้ยวด้านหน้า อยู่ในโคมเดียวกับไฟหรี่

ไฟตัดหมอกและช่องดักลม ดีไซน์สอดรับกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ดูเท่ห์ไปอีกแบบ

ความสูงใต้ท้องรถ ถือว่ากำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

ยางที่ให้มา เป็นของบริดจ์สโตน ขนาด 215/55 R17

ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ดีไซน์เป็นรูปลูกศร เน้นความเท่

กระจกมองข้าง มุมมองกว้างกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน รู้สึกปลอดภัย ขับขี่มั่นใจมากกว่า

มือจับประตู สีเดียวกับตัวรถ พร้อมปุ่มกดสำหรับปลดล็อค

ที่เปิดประตูห้องโดยสารตอนหลัง

เสาอากาศและสปอยเลอร์หลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ไฟเบรคดวงที่ 3 ขนาดใหญ่ และข้าง ๆ มีที่ฉีดน้ำทำความสะอาดกระจกหลัง

จุดเติมน้ำมันอยู่ทางด้านขวา รองรับน้ำมัน Gasohol E20 ไม่รองรับ E85

มาดูส่วนท้ายในมุมต่าง ๆ กันบ้าง

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ดูสวยงามตามสไตล์บูมเมอแรงอีกเช่นเคย

กล้องมองหลังช่วยให้การถอยจอดและกะระยะทำได้ง่ายมากขึ้น

โลโก้จู๊ค

ท่อไอเสีย

สัญลักษณ์ Xtronic CVT

 

เครื่องยนต์

เครื่องยนต์แบบ DOHC รหัส HR16 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตร

 

ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ต

ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำแดงในสไตล์ของรถสปอร์ต

ทัศนวิสัยในการขับขี่ดี มุมมองสูงกว่ารถเก๋ง เสาหลังคาไม่ค่อยบดบังมุมมองขณะเลี้ยวทั้งซ้ายและขวา

ในฝั่งคนขับ สามารถเข้าออกห้องโดยสารได้สะดวกดี ไม่ต้องก้มตัวแบบรถเก๋ง และไม่ต้องปีนสูงแบบรถ PPV ที่เป็นรถดัดแปลงเลียนแบบ SUV แต่ใช้โครงสร้างเดียวกับรถกระบะ

ที่รองแขน บุด้วยผ้านุ่มสีแดง ที่เปิดประตูแบบโครเมียม และแผงสวิตช์ปรับหน้าต่างตกตแต่งสีดำแดง

เบาะหนังสีดำ ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้าง ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงและลายจุดสีแดง ปรับความสูงได้ได้หลายระดับ

พวงมาลัยสามแฉก หุ้มหนัง จับกระชับมือ ตำแหน่งเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศ ไม่ไกลเกินเอื้อมมือ

สวิตช์ปรับมุมกระจกมองข้าง คันโยกเปิดฝากระโปรงหน้าและฝาถังน้ำมัน เอื้อมมือลงมาเล็กน้อย ก็เปิดได้ไม่ยาก

มาตรวัด อ่านง่าย ใช้ฟอนต์ที่ดูสบายตา ไฟเรืองแสงสีส้ม

พวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง วางสาย และรับสายโทรศัพท์ได้

ใกล้ฐานเสาหลังคา ติดตั้งลำโพงเสียงแหลมเอาไว้ ส่วนบนของแนวเสาหลังคา ติดตั้งม่านถุงลมนิรภัยเอาไว้

ช่องลมเครื่องปรับอากาศด้านข้าง หมุนปรับทิศทางได้ง่าย

ปุ่ม Start อยู่ใกล้ช่องลมฝั่งขวาของแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ

เกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT

มีหลุมใส่เครื่องดื่ม 2 หลุม แต่หลุมซ้าย ใส่ขวดน้ำทรงสูงไม่ได้

ที่วางแขนใช้วัสดุเดียวกับเบาะที่นั่ง พับยกขึ้น หรือเปิดฝาใส่ของก็ได้

ไฟส่องแผนที่ และกระจกส่องหน้ามีให้ทั้งสองฝั่ง แต่ไม่มีไฟส่องหน้า

กระจกมองหลังแบบธรรมดา ไม่ได้ปรับตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ

ช่องเก็บเอกสารกว้างและลึก จุได้เยอะ

เบาะที่นั่ง ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า รวมกับถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านนิรภัย รวม 6 ตำแหน่งในห้องโดยสาร

มาดูประตูฝั่งห้องโดยสารตอนหลังกันบ้าง ตกแต่งด้วยสีแดงเช่นกัน พร้อมติดตั้งลำโพงมาด้วย

การเข้าออกห้องโดยสารตอนหลัง อาจจะมีปัญหาสำหรับผู้ที่มีรูปร่างอ้วนมากเป็นพิเศษ เพราะบานประตูแคบกว่ารถเก๋ง

เบาะที่นั่งค่อนข้างสูง ลดอาการเมื่อยล้าในขณะเดินทางไกล ถือว่าดีกว่ารถเก๋งทั่วไป

ที่พิงศีรษะแบบถอดได้ ปรับระดับได้ มีให้ครบทั้ง 3 ที่นั่ง

เข็มขัดนิรภัยก็มีให้ 3 ตำแหน่ง ไม่มีที่วางแขนตรงกลางเบาะ

สอดเท้าใต้เบาะหน้าได้

ระยะเข่าถึงเบาะหน้า ยังห่างอีกประมาณ 10 ซม. แต่โดยรวมถือว่า Leg room น้อยกว่ารถซีดานหลายรุ่น

สำหรับผู้ที่มีความสูงตั้งแต่ 175 ซม. ขึ้นไปทุกคน มีปัญหาศีรษะชนเพดานห้องโดยสารแน่นอน

พื้นห้องโดยสาร ตรงกลางนูนขึ้นมาเล็กน้อย

เข็มขัดนิรภัย ปรับระดับความสูงได้

มือจับที่เพดาน มีให้ครบทุกที่นั่ง

ฝาท้าย เปิดได้สูง พ้นระดับศีรษะ

มีโช้คอัพ ช่วยผ่อนแรง น้ำหนักเบากว่าที่คิด

ช่องมือจับสำหรับปิดฝาท้าย

พื้นที่วางสัมภาระท้าย พร้อมไฟส่องสว่างขนาดเล็ก

ใต้ฝารองพื้นห้องสัมภาระท้าย มีช่องสำหรับซ่อนของได้ ซึ่งก็มีเครื่องมือเปลี่ยนล้ออยู่ด้วย

ยางอะไหล่

เบาะหลังสามารถพับได้ไม่ยาก

เมื่อพับเบาะที่นั่งราบลง ก็เพิ่มพื้นที่วางสัมภาระได้อีกเยอะ

 

เทคโนโลยีภายในตัวรถ

กุญแจรีโมทอัจฉริยะ

เครื่องเสียงสั่งงานด้วยระบบสัมผัส

ปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศ ในโหมด Climate

เมื่อเปลี่ยนมาที่ D-Mode จะกลายเป็นปุ่มควบคุมการขับขี่

โหมดการขับขี่แบบ Normal มาตรฐานสำหรับการขับขี่ทั่วไป

โหมดการขับขี่แบบ Sport จะเห็นได้ว่าเครื่องยนต์และเกียร์จะเปลี่ยนโหมดการทำงานด้วย

โหมดการขับขี่แบบ Eco ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นโหมดประหยัด

แสดงระดับความประหยัด สร้างความท้าทายในการขับขี่

มาดูในส่วนของเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว มีช่องต่อ USB และ AUX input ที่มุมขวาล่าง

ถอดใช้งานพกพาได้ แต่ต้องมีแหล่งจ่ายไฟเข้าไป

วิทยุ FM

เครื่องเสียงใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3.4 ถือว่าเก่า แต่ก็เพียงพอ เพราะไม่ได้ใช้แอพฯ ใหม่ ๆ

เมนูการตั้งค่า ก็คล้ายกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์

ปรับระดับความดัง fade ไปในทิศทางที่ต้องการได้ ปรับ EQ หรือทุ้มแหลมได้อิสระ พร้อม Surround Sound

มี DSP สร้างสนามเสียง เพิ่มมิติให้ฟังดูคล้ายกับอยู่ในฮอลล์คอนเสิร์ต

สั่งงานด้วยระบบมัลติทัชก็ได้เช่นกัน

ใช้ 2 นิ้วปัดขึ้นลงซ้ายขวาได้

ใช้ 3 นิ้วปัดขึ้นลงได้

ใช้ 4 นิ้วกดค้างไว้พร้อมกัน

เชื่อมต่อ Wi-Fi กับ Hotspot ได้

ทดลองเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi Hotspot

เป็นระบบแอนดรอยด์ คีย์บอร์ดมีทั้งสองภาษา พิมพ์ได้ง่าย

ทดลองเปิด Web browser

หน้าเว็บมีการแสดงผลที่ถูกต้อง เหมือนกำลังเปิดดูเว็บไซต์บน Android Tablet

EZ-Talk เมื่อผู้ใช้ Nissan Juke สามารถคุยกันได้กับ Nissan Juke คันอื่น ๆ

ต้องทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน ติดตั้งแอพพลิเคชั่นรอไว้ ได้ใช้แน่นอนเมื่อนัดพบกลุ่มเพื่อนใน Nissan Juke Club Thailand ซึ่งมีกิจกรรมจัดขึ้นเป็นระยะ ๆ

ที่วางสมาร์ทโฟนพร้อมยางกันลื่น

รองรับ microSD ด้วย ใส่เพลง วิดีโอ ลงไปก็ได้

หากต้องการพกพาไปใช้งานภายนอกรถ ก็ใช้สายชาร์จ microUSB จ่ายไฟเข้าไปเหมือนการชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟน

 

ทดสอบขับ

ทีมงานทราบว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ให้ความสนใจเกี่ยวกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากเป็นพิเศษ สำหรับนิสสัน จู๊ค คันที่นำมาทดสอบรีวิวนี้ มีโหมดการขับขี่ 3 แบบ ดังนั้นจึงจะแยกการทดสอบขับ หาอัตราสิ้นเปลือง ในการขับขี่ทั้ง 3 โหมด บนเส้นทางเดียวกัน ระยะทางเท่ากัน ในความเร็วที่เหมาะสม โดยใช้น้ำมัน Gasohol E20

  • โหมด Normal ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ทั่วไป ความประหยัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ขับที่ความเร็ว 85-95 km/h โดยพยายามรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่าที่จะทำได้ อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 5.4 l/100 km. หรือคำนวณได้เท่ากับ 18.51 km/l ในโหมดนี้การออกตัวและการเร่งแซง ก็ยังพอไหว ไม่รู้สึกว่าอืดจนเกินไป

  • โหมด Eco ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ที่เน้นความประหยัด ขับที่ความเร็ว 75-85 km/h โดยพยายามรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่าที่จะทำได้ อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 5.0 l/100 km. หรือคำนวณได้เท่ากับ 20.00 km/l ในโหมด Eco การออกตัวในช่วงแรกจะรู้สึกหน่วง ออกตัวช้า ค่อย ๆ ไต่ระดับความเร็วไปเรื่อย ๆ รอบเครื่องยนต์จะต่ำ เพื่อให้ใช้น้ำมันในปริมาณที่น้อย

  • โหมด Sport ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ที่สนุกสนาน เน้นความเร็ว ขับที่ความเร็ว 115-125 km/h โดยพยายามรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่าที่จะทำได้ อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 6.0 l/100 km. หรือคำนวณได้เท่ากับ 16.66 km/l ในโหมด Sport นี้ รู้สึกได้ชัดเจนว่ารถออกตัวได้ว่องไวมาก แซงสนุก แรงดีทั้งช่วงต้นและช่วงปลาย
  • ทั้ง 3 การทดสอบข้างต้นนั้น เป็นการขับด้วยความเร็วคงที่ (นอกเมือง) สำหรับการทดสอบขับในเมือง เส้นทางถนนราชดำริ, สาทร, สุขุมวิท, แนวรถไฟฟ้าสายสีลมมาจนถึงสถานีบางหว้า, สิ้นสุดที่ถนนราชพฤกษ์ ได้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 12.5 km/l โดยเลือกโหมดการขับขี่เป็นโหมด Eco ซึ่งเหมาะสมกับสภาพการจราจรคับคั่งภายในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน

 

สิ่งที่น่าประทับใจใน Nissan Juke

  • มีให้เลือกถึง 6 สี แต่สี Blue Pacific ดูสวยงามโดดเด่นเงางามกว่าที่เห็นในรูปบนสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • ดีไซน์สวย ถูกใจวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ แปลกตา โดดเด่นบนท้องถนน
  • เครื่องเสียง ให้กำลังขับที่สูง ฟังสนุก เหมาะสมกับเพลงสมัยใหม่
  • ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีกว่ารถเก๋ง เมื่อใช้โหมด Sport จะรู้สึกถึงความสนุกในการขับขี่ทางไกลหรือบนทางด่วน
  • ประหยัดน้ำมันกว่าที่คาดไว้ จากการทดสอบขับนอกเมือง ต่อเนื่องเป็นระยะทางรวมกว่า 100 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ช่วงเพื่อทดสอบแยกแต่ละโหมดการขับขี่ในสภาพถนนเดียวกัน
  • เครื่องปรับอากาศ เย็นเร็ว สู้อากาศร้อนจัดของประเทศไทยได้ดี
  • เกาะถนนได้ดี มั่นใจทุกโค้ง ถือว่าทรงตัวได้ค่อนข้างดีในภาวะฉุกเฉิน
  • ระยะเบรคสั้นน่าประทับใจ
  • ตกแต่งภายในได้อารมณ์แบบรถสปอร์ต
  • พวงมาลัยค่อนข้างกระชับมือ น้ำหนักปานกลาง ขับง่าย
  • กระจกมองข้างให้มุมมองที่กว้างกว่าคู่แข่ง

ข้อสังเกตใน Nissan Juke

  • ช่วงล่างแบบสปอร์ต ไม่ใช่สไตล์นุ่มนวล จึงรู้สึกถึงแรงสะเทือนบนพื้นถนนอยู่พอสมควร แต่แรงสะเทือนนั้นไม่ได้ส่งมาที่พวงมาลัยจนทำให้รำคาญหรือควบคุมรถได้ยาก แค่รู้สึกสะเทือนจากพื้นห้องโดยสาร
  • ห้องโดยสารตอนหลัง เพดานต่ำไปหน่อย
  • ไม่มีเวอร์ชั่นสีเหลืองสดใสอย่างที่เห็นในต่างประเทศ
  • ภาพจากกล้องมองหลังในขณะถอยจอด ไม่คมชัด

สนใจลงโฆษณากับทาง 9CARTHAI ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวัน  086-1290293 
LINE ID : 123456786205
Email : wanchalearm.t@gmail.com
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของดีลเลอร์นะครับ

รถใหม่ 2024


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...


รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.


Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.


Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.


Mitsubishi Triton  ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.


Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.




ราคารถใหม่  BMW, BYDFORD, HAVAL, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, MAZDA, MG, MINI, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, NETA, NISSAN, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Test Drive : รีวิว 2015 Nissan Juke 1.6 V Sport Crossover ดีไซน์ล้ำ ไม่ซ้ำใคร "

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวรถใหม่

บทความแนะนำ

หมวดหมู่

 

Sales ประจำเว็บนะครับ

BMW K.อุ๊ย
083-2222-456 / LINE : @auicarthai
BYD ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Ford K.พลิกล็อค 081-4307717ID Line : @logford
Honda K.บอล
085-082-2662 / LINE : ballz12345
Haval K.ฝน 062-695-9245ID Line : lawan.s
Hyundai K.จ๊ะจ๋า
098-4084660  / LINE : jaja9777
ISUZU K.อาม เพชรเกษม
087-332-1320 / LINE : armisuzu108
Mazda ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mercedes-Benz K.ลูกน้ำ
091-7866446  / LINE : puimg
MG คุณฮอน
098-198-2528 / LINE : pulleystation
MINI ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Mitsubishi ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
NETA K.จูน พระราม 2
082-625-3991  / LINE : 0826253991
Nissan เซลล์ น้องอ้อ
082-997-4556 / LINE : @nissansale
Suzuki ว่าง
รับสมัครเซลล์ประจำเว็บ 1 ท่าน
Toyota คุณแอ้
081-4976966 / LINE : @airetoyota
Volvo เซลส์ คุณมิ้ม
092-2965459 / LINE : mimmieka
* ถ้ามีการโอนเงินค่าจอง จะโอนเข้า ชื่อบริษัท เท่านั้น ไม่มีการโอนเป็นชื่อ Sales นะครับ
** โทรหา Sales บอกว่ามาจาก 9carthai ของแถมพิเศษ ครับ
*** พี่ๆที่ Comment รบกวนช่วย ทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ อีเมล ให้ Sales ติดต่อกลับด้วยนะครับ

ความเห็นล่าสุด